สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 5.1 ปี, 3.1 ปี และ 9.1 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 19,944 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL243B) มูลค่า 153.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 96.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (STA14DA) มูลค่า 82.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 332.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,649 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,105 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,403 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.03% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.94% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.05%
Yield Curve ปรับลดลง ในพันธบัตรรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 2-10 bps. โดยเฉพาะตราสารหนี้รุ่นอายุ 10 ปี ปรับลดลงถึง 10 bps. จากแรงซื้อของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่มีแนวโน้มในเชิงบวก ล่าสุดดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐเดือนเม.ย.ที่ประกาศออกมาขยายตัว 0.6% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.2% สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 1,403 ล้านบาท