MK เผยกำไรสุทธิ Q1/57 ลดลง 36% จากการรับรู้รายได้คอนโดฯ น้อยลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 16, 2014 11:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ. มั่นคงเคหะการ(MK) เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 1/57 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 44.78 ล้านบาท ลดลง 36.16% จากไตรมาส 1/56 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 70.14 ล้านบาท โดยอัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ประจำไตรมาส 1/57 เท่ากับ 10.55% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 11.81%

ในไตรมาส 1/57 บริษัทรับรู้รายได้จากการขายและบริการ จำนวน 421.70 ล้านบาท ลดลง 28.16% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้ 586.96 ล้านบาท รายได้ส่วนที่ลดลงในปีนี้คือรายได้จากคอนโดมิเนียม ซึ่งลดลงจากไตรมาส 1/56 ถึง 231.51 ล้านบาท เนื่องจากโครงการเด็น วิภาวดี มีการส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ไปเกือบทั้งหมดในปี 56 ขณะเดียวกันบริษัทก็รับรู้รายได้จากบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะรายได้ส่วนของแนวราบจะเห็นได้ว่ารายได้ในไตรมาสนี้สูงกว่ารายได้ไตรมาส 1/56 เท่ากับ 20.44% โครงการหลักที่สร้างรายได้ ได้แก่ ไพรเวทพาร์ค ชวนชื่นซิตี้, ชวนชื่น โมดัส วิภาวดี, ชวนชื่น จรัญฯ 3 และชวนชื่น พระราม 7 - สิรินธร

ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรเบื้องต้น 162.22 ล้านบาท ลดลง 16.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 194.58 ล้านบาท อย่างไรก็ดี อัตราส่วนกำไรเบื้องต้น (Gross Profit Margin) ในไตรมาสนี้เท่ากับ 38.47% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 33.15% เนื่องจากการรับรู้รายได้ของคอนโดมิเนียม ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าแนวราบนั้นมีสัดส่วนลดลงจากปีที่ผ่านมา

ในส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เท่ากับ 101.63 ล้านบาท ลดลง 4.60% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 106.53 ล้านบาท โดยส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากกิจกรรมทางการตลาดที่มีต่อเนื่องสำหรับโครงการใหม่ อาทิ ชวนชื่น พระราม 7 – สิรินธร, ออกัสท์ คอนโดมิเนียม ส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง เนื่องจากปีที่แล้วได้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานล่วงหน้าสำหรับปี 56 และบันทึกค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานจ่ายจริงสำหรับปี 55 ด้วย

ด้านสินทรัพย์ลดลง 111.83 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา จาก 6,782.62 ล้านบาทเป็น 6,670.78 ล้านบาท เนื่องจากเงินสดที่ปลายปีมีค่อนข้างสูง จึงนำไปชำระหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย ทำให้หนี้สินรวมปรับลดลง 156.53 ล้านบาท จาก 1,502.79 ล้านบาทเป็น 1,346.26 ล้านบาท สอดคล้องกับงบกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินที่เป็นลบ (171.73) ล้านบาท ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ยังถูกสะท้อนให้เห็นจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทฯ ณ สิ้นไตรมาสนี้ ซึ่งเท่ากับ 0.25 เท่า ลดลงจากสิ้นปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 0.28 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ