ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2557 บริษัทสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเกินกว่ายอดรายได้ที่ประมาณการไว้ 14% ส่งผลให้รายงานรายได้กว่า 1,790 ล้านบาท หากเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน รายได้จะลดลง 71% เนื่องจากไตรมาสก่อนมีการรับรู้รายได้เป็นจำนวนมาก จากโครงการไอดีโอ โมบิทั้ง 4 โครงการ
ขณะที่มีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2210% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หากเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน จะลดลง 89%
"บริษัทยังคงมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และประสบผลสำเร็จในทุกโครงการที่เปิดขาย ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีนี้เติบโต เกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทได้ตั้งไว้ ทั้งในส่วนของการรับรู้รายได้ และยอดขาย แม้ว่าจะเกิดความไม่แน่นอนทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจขึ้นก็ตาม บริษัทได้ดำเนินงานตามแผนธุรกิจ 5 ปีที่ได้วางไว้ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอน แต่ยังคงดำเนินการตามแผนธุรกิจ รวมถึงการรายงานผลสำเร็จตามที่ได้วางไว้ นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต โดยมีทั้งโครงการที่ได้เปิดขายแล้วและยังไม่ได้เปิดขาย ทำให้บริษัทมีสินทรัพย์ที่เพียงพอสำหรับรายได้ในปี 2557 และ 2558 นอกจากนี้ในปี 2559 และ 2560 ยังมีถึง 86% และ 45% ที่ได้ซื้อที่ดินไว้แล้วตามลำดับ"นายชานนท์ กล่าว
ด้านนายเท็ด โปษะกฤษณะ ถิระพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ ANAN เปิดเผยว่า ยอดขายในไตรมาส 1 ที่ดีเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 53% สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้ายังคงได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์ทางการเมือง และสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ยิ่งไปกว่านั้นยอดขายจากโครงการแนวราบยังเพิ่มขึ้นถึง 76% เป็น 679 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขายเพียง 384 ล้านบาท ซึ่งบ่งชี้ว่าโครงการแนวราบของบริษัทกลับเข้าสู่แผนการดำเนินงานที่วางไว้ และเร่งพัฒนากระบวนการก่อสร้างโครงการแนวราบให้เร็วยิ่งขึ้น หลังจากที่เกิดความล่าช้าในปี 2556
"ลูกค้าของอนันดาฯ ยังไม่ได้มีสัญญาณของปัญหาทางการเงิน แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง โดยลูกค้าที่ซื้อด้วยเงินสดมีมากกว่า 35% และลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมของบริษัทสามารถขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินผ่านทุกราย"นายเท็ด กล่าว
ทั้งนี้ แม้บริษัทซื้อที่ดินที่มากขึ้นบริษัทก็ยังจะรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนในระดับต่ำ เพียง 0.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้ที่ระดับไม่เกิน 1 เท่า ทำให้มีความยืดหยุ่นทางการเงินสำหรับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น พร้อมรองรับทุกโอกาสที่จะมาถึง
นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้ระยะเวลา 3 ปี มูลค่า 4,000 ล้านบาท ในระดับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.4% ต่อปี ทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับการเติบโตในอนาคต และความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในตลาดการเงินได้อีกด้วย
นางมัณทนา เอื้อกิจขจร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน ANAN กล่าวว่า บริษัทสามารถสร้างรายได้และยอดขายที่ดีกว่าเป้าที่วางไว้ แม้ยอดโอนสิทธิ์บางส่วนจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง และเศรษฐกิจ แต่ความต้องการซื้อจากลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีอย่างต่อเนื่อง ช่วยผลักดันให้บริษัทสามารถสร้างรายได้ที่เติบโตกว่า 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 34% และอัตรากำไรสุทธิที่ 6% ซึ่งในไตรมาสนี้ยังไม่มีโครงการใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ลดลงอย่างมากถึง 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน