ฟิทช์ เรทติ้งส์ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 พันลบ.WHA ที่ A-(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 19, 2014 15:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) หุ้นกู้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิ จำนวนเงินรวมไม่เกิน 2 พันล้านบาทของบมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ที่ ‘A-(tha)’ หุ้นกู้ชุดใหม่ดังกล่าวประกอบด้วยหุ้นกู้ 2 ชุด ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2560 และปี 2562 เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ

ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ของ WHA ที่ ‘A-(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ ‘F2(tha)’ รวมถึงคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ของหุ้นกู้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทฯ ที่ ‘A-(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

หุ้นกู้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ WHA เนื่องจากฟิทช์คาดการณ์ว่าหนี้สินของ WHA ที่จะก่อขึ้นในอนาคตจะเป็นหนี้สินที่ไม่มีหลักประกัน แทนที่จะเป็นหนี้สินที่มีหลักประกันเช่นที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากเงินกู้ยืมสำหรับโครงการในอนาคตที่ได้รับอนุมัติจากธนาคารหลักๆ ของ WHA เป็นเงินกู้ยืมแบบไม่มีหลักประกัน และมีเงื่อนไขว่า WHA จะต้องไม่นำกิจการหรือทรัพย์สินใดๆ ของบริษัทฯ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ไปเป็นหลักประกันเพิ่มเติมแก่หนี้สินใดๆ เว้นแต่ธนาคารจะได้รับการประกันโดยหลักประกันดังกล่าวในระดับเท่าเทียมกันและเป็นไปตามสัดส่วนเดียวกัน (Negative Pledge)

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 หนี้สินที่มีหลักประกันของ WHA มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 40 ของหนี้สินรวมของบริษัทฯ อัตราส่วนหนี้สินที่มีหลักประกันต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ WHA ได้ลดลงมาอยู่ที่ 1.1 เท่า ณ สิ้นปี 2556 จากระดับ 8.4 เท่า ณ สิ้นปี 2555

ปัจจัยที่มีผลต่ออันอับเครดิต ได้แก่ ภาระหนี้สินที่คาดว่าจะสูงขึ้น เนื่องจากแผนการลงทุนที่สูงอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ฟิทช์คาดว่าระดับหนี้สินสุทธิของบริษัทฯ จะเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 8 พันล้านบาทในปี 2558 จากระดับ 4.9 พันล้าน ณ สิ้นปี 2556 โดยฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (funds flow from operations (FFO) Adjusted Leverage) ของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.5 เท่าถึง 4.5 เท่าในช่วงปี 2557-2558 กระแสเงินสดที่ได้รับจากการขายทรัพย์สินเพื่อการลงทุน (ได้แก่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าให้เช่าเป็นหลัก) ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 6.6 พันล้านบาท ในปี 2556 ได้ช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวของบริษัทฯ ลดลงอย่างมาก โดยมาอยู่ที่ระดับ 2.8 เท่า ณ สิ้นปี 2556 จากระดับ 9.3 เท่า ณ สิ้นปี 2555

รายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่สูงขึ้น: ฟิทช์คาดว่ารายได้ค่าเช่าและค่าบริการของ WHA จะเติบโตขึ้นจนสูงกว่าระดับ 1 พันล้านบาทได้ภายในปี 2558 และมีส่วนแบ่งกำไรในสัดส่วนเกินกว่าร้อยละ 40 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม ของบริษัทฯ (จากประมาณ 500 ล้านบาทด้วยส่วนแบ่งกำไรในสัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 20 ในปี 2556) เนื่องจากอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูงและความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับคลังสินค้าสมัยใหม่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม หากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจไทยมีการยืดเยื้อออกไป อาจส่งผลกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและอัตราการเติบโตของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการของบริษัทฯ ได้ในระยะยาว รวมถึงแผนการขายทรัพย์สินเพื่อการลงทุนให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะอาจส่งผลต่อความสามารถในการลดระดับอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ

WHA เป็นผู้นำทางการตลาดในธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าให้เช่าคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย (Built-to-Suit) ด้วยทำเลที่ตั้งที่ดีเยี่ยมและคุณภาพของคลังสินค้าที่แตกต่างจากคลังสินค้าทั่วไปในตลาด ทำให้ WHA สามารถรักษาระดับอัตราการเช่าพื้นที่ที่ร้อยละ 100 ได้ในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา การแข่งขันในธุรกิจอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นการพัฒนาคลังสินค้าแบบมาตรฐานสำเร็จรูป (Ready-Built) และมีขนาดเล็กกว่าคลังสินค้าของ WHA จึงทำให้ WHA น่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ รวมถึงอัตราส่วนกำไรต่อรายได้ดังกล่าวที่สูงได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

การทำสัญญาเช่าก่อนการก่อสร้าง: ในการพัฒนาคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าให้เช่าภายใต้แนวความคิดการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย (Built-to-Suit) ของ WHA ผู้เช่าจะมีส่วนร่วมในการวางแผนและออกแบบเพื่อพัฒนาคลังสินค้าตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ และจะทำสัญญาเช่าก่อนเริ่มการก่อสร้าง (Pre-leased) ซึ่งนอกจากจะสร้างความแน่นอนในด้านอัตราการเช่าพื้นที่แล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกับผู้เช่าดังกล่าวอีกด้วย กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทฯ จะได้รับงานโครงการเพิ่มเติมจากผู้เช่าเดิมในกรณีที่ผู้เช่าดังกล่าวมีการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงการแนะนำลูกค้ารายใหม่จากผู้เช่าเดิม

ฐานผู้เช่าที่แข็งแกร่ง: ผู้เช่าส่วนใหญ่ของ WHA เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ โดยมีสัญญาเช่าระยะยาวรองรับ นอกจากนี้พื้นที่มากกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ให้เช่าเป็นพื้นที่ที่เช่าโดยผู้เช่าที่อยู่ในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ ซึ่งมีลักษณะความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างแน่นอนและสม่ำเสมอ ดังนั้นจึงช่วยสนับสนุนให้กระแสเงินสดรับของ WHA มีความแน่นอนในระดับหนึ่ง

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต ปัจจัยลบ: การขยายธุรกิจอย่างมากจนทำให้อัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted leverage) อยู่ในระดับสูงกว่า 4.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง รายได้ค่าเช่าและค่าบริการไม่สามารถเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าระดับ 1 พันล้านบาทได้ภายในปี 2558

และ การเปลี่ยนกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญโดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคลังสินค้าให้เช่าแบบสำเร็จรูปที่สร้างเสร็จก่อนให้เช่า (Pre-built) แทนการทำสัญญาเช่าก่อนการก่อสร้าง (Pre-leased) เป็นหลักดังในปัจจุบัน

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตในช่วง 12-24 เดือนข้างหน้ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากแผนการลงทุนที่สูงของบริษัทฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ