บลจ.กสิกรฯ ขายกองตราสารหนี้ 3-6 เดือน 20-26 พ.ค.ผลตอบแทนสูงสุด 2.75%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 19, 2014 16:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 20-26 พฤษภาคม 2557 บลจ.กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีวาย (KFI6MBY) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.60% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน ดี (KEFI3MD) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.60% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดับบลิว (KEFF6MW) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.75% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

เนื่องจากสถานการณ์ตลาดโลกในช่วงนี้มีความผันผวนมาก โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศที่มีความผันผวน ส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายในสัปดาห์นี้มีการปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ ยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ยังคงไม่มีทางออกและเริ่มกลับมาร้อนแรงมากขึ้น หลังจากมีข้อเสนอของวุฒิสภาเกี่ยวกับแนวทางการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจเมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ กปปส. ได้ตัดสินใจยกระดับการชุมนุมขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 22-26 พ.ค. นี้ เพื่อกดดันให้คณะรัฐมนตรีรักษาการลาออก เพื่อเปิดทางให้วุฒิสภาฯ ได้สรรหานายกฯ และรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มขึ้นมาบริหารประเทศ

อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยแนะนำให้ผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการหลีกเลี่ยงความผันผวนระยะสั้นจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเสนอทางเลือกให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่กำหนดอายุโครงการแน่นอน เพื่อรอดูสถานการณ์และประเมินทิศทางการลงทุนต่อไป

สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน ดี (KEFI3MD) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดับบลิว (KEFF6MW) จะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ VakifBank ตราสารหนี้ Garanti Bank, ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีวาย (KFI6MBY) โดยกองทุนดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ สำหรับกองทุน KFI6MBY ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีเอส (KPPTF3MDS) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารภายในประเทศ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.00% ต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ