"เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าผมก็บอกแล้ว ทางออกมี 2 ทางคือ soft coup กับ hard coup วันนี้เป็น soft coup แต่ไม่รู้วันนี้จะเป็นอย่างไรต่อก็ต้องติดตามต่อไป...ขณะนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้ ต้องรอดูสถานการณ์ ความชัดเจนว่าจะออกมาในรูปแบบไหน" นายก้องเกียรติ กล่าว
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า ต้องรอดูว่าความชัดเจนคืออะไรจะออกมาในรูปไหน หากออกมาในรูปแต่งตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ หน้าตาเป็นอย่างไร หรือออกมาในรูปของการเดินหน้าเลือกตั้ง ดังนั้น ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่ชัดคืออย่างน้อยมีจุดจบหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันไม่ได้ เหมือนกรรมการออกมาเล่นบทเอง ตอนนี้ต้องดูกรรมการจะทำอย่างไรต่อไป
ขณะนี้มาถึงจุดที่เกิดความชัดเจนอย่างหนึ่งแล้ว คือปัญหาที่ยืดเยื้อมาหลายเดือนมีทางลงทางออก ซึ่งจากที่ไปทำโรดโชว์ที่ต่างประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นผู้จัดการกองทุน 6-7 คนถามถึงปัญหาการเมืองของไทยว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เท่าที่คุยกับนักลงทุนต่างประเทศ ส่วนใหญ่คาดสถานการณ์ไว้บ้างแล้ว เชื่อว่าจากนี้ไปคงไม่ได้ขายออกมามากแล้ว ณ ขณะนี้คงรอดูสถานการณ์ก่อน
อย่างไรก็ตาม ในแง่นักลงทุนต่างประเทศคงจะเคยชินกันบ้างแล้วเพราะถ้าดูจากหลายประเทศในตลาดเกิดใหม่ (emerging market) รวมทั้งไทยจะมีเรื่องลักษณะนี้ในหลายตลาด ผู้จัดการกองทุนหลายแห่งคงเคยชินกับการปฏิวัติ การประกาศกฎอัยการศึก หรือบางประเทศที่การเมืองรุนแรง หรือแม้แต่ประเทศที่มีปัญหาอัตราเงินเฟ้อ 100-200% ก็เคยเห็นมาแล้ว
การตัดสินใจการลงทุนคงขึ้นอยู่กับมุมมองว่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าสถานการณ์จะดีขึ้นหรือไม่ ถ้ามองแล้วเห็นว่าน่าจะดีขึ้น ก็ควรจะค่อยๆ ซื้อเพราะหุ้นไทยหลังการเปลี่ยนแปลงจะค่อยๆดีขึ้น เรื่องการเมืองกับเรื่องการลงทุนเป็นสิ่งที่ต้องแยกกัน แต่บางเรื่องก็อาจโยงกันบางจุด อยู่ที่ระดับความสบายใจของแต่ละคน ถ้ามองการเมืองวุ่นวายยังไม่จบก็ไม่ต้องรีบ แล้วค่อยกลับมาซื้อ
"กรณีการเมืองรุนแรง คิดว่าคนคาดไปแล้วถึงจุดนั้นซึ่งถ้าออกมาแรงกว่านี้ก็อาจจะมีผลกระทบบ้างแต่ในแง่ตลาดหุ้นคงไม่กระทบมากเพราะตอนนี้เปิดหน้ากากกันหมดแล้ว นักลงทุนคงอยากเห็นสถานการณ์ประเทศกลับสู่ภาวะปกติ 2 ฝ่ายประนีประนอมกันเพื่อให้ประเทศมีทางออก เพราะทั้งนักลงทุนและนักธุรกิจพยายามประคองตัวมา 7-8 เดือนแล้ว ไม่อยากให้เป็นแบบนี้นานเพราะเสียโอกาสในการแข่งขันมากแล้ว"
ส่วนราคาหุ้นที่ปรับลดลงมานั้น แนะนำว่าอาจจะเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 20% ของพอร์ตลงทุนก่อน ยังไม่ต้องรีบลงทุน ในแง่ราคาหุ้นช่วงนี้ไม่ถูกไม่แพง ค่า P/E ตลาดที่ 13 เท่า เทียบผลประกอบการปีนี้ ถือว่าไม่ถูก เพราะในอดีตเคยเห็นต่ำกว่า 10 เท่า แต่ก็ไม่แพงเพราะปีก่อน P/E 15 ก็ยังถูกขายออกมา นักลงทุนจะต้องศึกษาข้อมูลวิจัยอย่างอย่างใกล้ชิด เน้นบริษัทที่มีธุรกิจอยู่ต่างประเทศหรือมีโรงงานอยู่นอกประเทศ มองว่าเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ
"การที่หุ้นตกเป็นโอกาสลงทุนระยะยาวไม่เหมาะกับการเก็งกำไร... ไม่ห่วงเรื่องตลาดหุ้น เพราะหลังผลประกอบการไตรมาส1/57 ออกมาไม่ค่อยดี ไตรมาส 2 ก็ไม่น่าจะดี ซึ่งต้องรอดูอีกสักพักดูเรื่องความเชื่อมั่นด้วย เพราะตอนนี้ 3 ปัจจัยหลัก มีดีอยู่อย่างเดียวคือส่งออก ส่วนการลงทุน การบริโภคในประเทศอยู่ในสถานการณ์ไม่ค่อยดีติดลบ"นายก้องเกียรติ กล่าว