"เราอย่าตื่นตระหนก เราอยู่เมืองไทย เรามีความเชื่อมั่นว่า ผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลเขาคงไม่คิดต่างที่จะเห็นเมืองไทยมีความสงบ รอดูอีกสักนิด ของเรายังขายตามปกติ สถานการณ์ดีคนก็กิน สถานการณ์ไม่ดีคนก็ยังกิน ...เศรษฐกิจมีผลต่อเรา เรารับผลกระทบน้อยมาก เรายังเดินไปตามเผนเดิม"นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAKRO กล่าวในงานแถลงข่าวครบรอบ 25 ปี
นางสุชาดา กล่าวว่า ยอดขายปีนี้ต้องขอรอดูยอดขายในไตรมาส 2 นี้ก่อนว่าจะมีผลอย่างไรหลังมีการประกาศกฎอัยการศึก แต่ต้นปี 57 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตมากกว่าจีดีพีของประเทศ ซึ่งตอนนั้นคาดว่าจีดีพีจะเติบโต 5% โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทเติบโต 12.5% เป็นไปตามแผน โดยเป็นการเติบโตของยอดขายร้านเดิม 7% ซึ่งไตรมาสแรกเป็นไตรมาสที่ได้รับผลดีจากเทศกาลปีใหม่ เทศกาลตรุษจีน ส่วนไตรมาส 2 ได้รับผลดีจากเทศกาลสงกรานต์
อนึ่งในปี 56 MAKRO มียอดขาย 1.26 แสนล้านบาท กำไรสุทธิ 4,156 ล้านบาท สิ้นปี 56 มีจำนวนสาขา 63 แห่ง
ทั้งนี้ ในปีนี้มีแผนขยายสาขาอีก 10 แห่ง โดยในไตรมาสแรกเปิดไปแล้ว 2 แห่งที่บึงกาฬ และเกาะพงัน ซึ่งเป็นรูแปบบ Food Service ในไตรมาส 2 นี้ เปิดที่พัทยาเหนือ และแม่สาย (เปิดมิ.ย.) ในไตรมาส 3 มีแผนเปิดที่ศาลายา (ส.ค.)
โดยบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 8 พันล้านบาท แบ่งใช้ในการเปิดสาขา 5 พันล้านบาท และที่เหลือใช้ปรับปรุงร้านเดิม และอุปกรณ์
นางสุชาดา กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเน้นกลุ่มโฮเรก้า ได้แก่ ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงจากไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยนไป เพราะคนไทยยังให้ความสำคัญกับอาหารมาก ทำครัวน้อยลงจากที่เข้าอยู่คอนโดมิเนียมมากขึ้น และเติบโตตามธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นโอกาสเติบโตของร้านอาหาร ภัตตาคาร รวมทั้งจะเน้นธุรกิจ Food Service ที่คาดว่าเติบโต 20% ขณะที่ร้านโชห่วยคาดโต 7%
ปัจจุบันลูกค้าหลักของ MAKRO ยังอยู่ที่โชห่วย ร้านค้าปลีก ที่มีสัดส่วนมากกว่า 50% ส่วนกลุ่มโฮเรก้ามีสัดส่วน 25% นอกนั้นเป็นกลุ่มอื่นๆ โดยมีจำนวนสมาชิกในปัจจุบันกว่า 2.5 ล้านราย
สำหรับการรุกตลาดอินโดจีน (CLMV) นางสุชาดา กล่าว่า การบุกตลาดกลุ่มนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีราคาที่ดินแพงมาก โดยเฉพาะในพม่า อย่างไรก็ดี บริษัทเพิ่งส่งเข้าในตลาดพม่า เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค แบรนด์แอร์โร่ ในจำนวนไม่มาก ส่วนในเวียดนาม ส่งออกกลุ่มอาหารแช่แข็ง เจาะกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาว