(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าอ่อนลงห่วงกองทุนต่างชาติเมินหุ้นไทยแม้มีหวังปัญหายุติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 21, 2014 09:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง(BLS)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้อาจจะอ่อนไปทางลบได้บางๆ ภายหลังจากที่วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมาถึง 8 พันกว่าล้านบาท มองว่าเป็นผลจากกองทุนต่างชาติบางรายอาจติดข้อจำกัดที่ไม่สามารถลงทุนในประเทศที่มีการประกาศกฎอัยการศึกได้ ขณะที่บางกองทุนเห็นเป็นโอกาสเข้าซื้อ แต่รอบนี้จะเห็นได้ว่าเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นไทยน้อย จึงเชื่อว่าแรงขายไม่น่าจะแรงมาก

สำหรับบทบาทของทหารที่ออกมาในรอบนี้ มองว่าน่าจะทำให้การเจรจาแก้ปัญหาทางการเมืองสามารถทำได้เร็วขึ้น หลังจากปล่อยให้ยืดเยื้อมานานกว่า 8 เดือนแล้ว ดังนั้น ภาพจึงออกมาดีขึ้นว่าปัญหาการเมืองมีแนวโน้มที่จะยุติได้เร็ว

ส่วนกระแสเงินต่างชาติได้ไหลเข้ามาในเอเชียตลอดในช่วงก่อนหน้านี้ ยกเว้นตลาดไทย, จีน, เกาหลี ที่เป็นตลาดที่นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิ ขณะที่ตลาดอินโดนีเซียนั้นต่างชาติได้มีแรงซื้อผิดปกติ โดยซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนถึง 2 เท่า ดังนั้นหากการเมืองไทยเคลียร์ได้เรียบร้อย เชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติคงจะไหลกลับเข้ามาได้เร็ว

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในแดนลบบาง ๆ โดยขณะนี้รอดูการประชุมของ BOJ และความเห็นของกรรมการใน FOMC เกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ย

พร้อมให้แนวรับ 1,380-1,390 จุด แนวต้าน 1,430 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(20 พ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,374.31 จุด ลดลง 137.55 จุด (-0.83%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,872.83 จุด ลดลง 12.25 จุด(-0.65%),ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,096.89 จุด ลดลง 28.92 จุด(-0.70%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 105.54 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 119.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 6.37 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.20 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.67 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(20 พ.ค.) ที่ 1,394.69 จุด ลดลง 15.94 จุด(-1.13%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 8,335.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 พ.ค.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(20 พ.ค.)ที่ 102.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 17 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(20 พ.ค.)ที่ 5.90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดที่ 32.55/57 แกว่งแคบ-รอการเมืองชัดเจน
  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ชี้แจงเหตุผลการประกาศกฎอัยการศึกต่อหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ว่าทำไปเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง เพราะสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อหารัฐบาลใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องไปจัดการกันเองภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยให้คู่ขัดแย้งทุกพวกมาเจรจากัน
  • ภาคธุรกิจชี้กฎอัยการศึกเป็นทางออกความขัดแย้ง แต่ยังยากประเมินทิศทาง ระบุอาจช่วยเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ หากคลี่คลายโดยเร็ว หวั่นยืดเยื้อกระทบความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือประเทศ ชี้นักลงทุนต่างชาติยังสับสน
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำชับให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การเมืองด้วยแผนฉุกเฉิน เพราะอาจจะมีการปิดถนน ใช้เคอร์ฟิว หรือสร้างความไม่สะดวกแก่ประชาชนที่จะเดินทางมาใช้บริการ
  • สำนักวิจัยซีไอเอ็มบีไทยลดเป้าจีดีพีโตเหลือ 1.5% ปีหน้า 3% ระบุการเมืองเป็นปัจจัยกดดันชั่วคราว แต่ที่น่าห่วงเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน ทั้งหนี้ครัวเรือน ประสิทธิภาพการผลิต-แรงงาน ที่ถ่วงการเติบโตจีดีพีในระยะต่อไป แนะรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญ เร่งแก้ไข
  • แบงก์ชาติเผยเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 1.41 หมื่นล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้นทุกธุรกิจ อันดับหนึ่ง ธุรกิจอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 7.41 พันล้านบาท รองลงมาภาคผลิต 3.06 พันล้านบาท และกิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ 1.1 พันล้านบาท พบลูกหนี้ใหม่ และ รีเอ็นทรีก่อตัวจากธุรกิจอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลมากที่สุด
  • ทอท.ยันท่าอากาศยานไม่กระทบกฎอัยการศึก ผู้โดยสารเดินทางปกติ บินไทยสั่งสำนักงานทั่วโลกแจงลูกค้าด่วนเน้นจีน-ญี่ปุ่นเป็นพิเศษ ด้าน สคบ.ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน หวั่นผู้ค้าฉวยโอกาส ชาวนาขอให้เร่งจ่ายค่าข้าวไม่สนใครเป็นรัฐบาล

*หุ้นเด่นวันนี้

  • STEC (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 21.50 บาท รับผลกระทบจากงานภาครัฐสะดุดจำกัดที่สุดในกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ จากงานในมือที่มีอยู่ราว 5 หมื่นล้านบาททยอยรับรู้รายได้เนื่องไปยังปี 58 และยังมีโอกาสรับงานภาคเอกชนภายในประเทศเพิ่มเติมจากสนามบินและห้างสรรพสินค้า เริ่มมีการกระจายงานไปยังต่างประเทศอยู่ระหว่างเจรจาราว 2-2.5 พันล้านบาท คาดคืบหน้าใน 2H57
  • M (เคเคเทรด)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 55.60 บาท แม้ผลประกอบการมีความเสี่ยงจากการเมือง แต่ระดับราคาหุ้นที่ยังทรงตัวใกล้เคียง IPO ที่ 49.00 บาทสะท้อนปัจจัยเสี่ยงแล้ว ขณะที่ยังมีประเด็นที่น่าสนใจคือโอกาสที่เห็นการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดจากการลงทุนในกิจการอื่นเมื่อปีที่แล้วเกือบ 9 พันล้านบาท เมื่อการเมืองคลี่คลายจะส่งผลให้ฟื้นตัวดีขึ้น YoY ในครึ่งปีหลัง
  • TOG(ฟินันเซีย ไซรัส)"ทยอยซื้อ"เป้าขึ้นเป็น 5.50 บาท ไตรมาสแรกผลงานน่าประทับใจเกินคาด โดยกำไรสุทธิเพิ่ม 81% Q-Q และ 295% Y-Y จากการทำการตลาดร่วมกับลูกค้าและควบคุมต้นทุนอย่างจริงจัง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นอย่างชัดเจนเป็น 26% จากไตรมาสก่อนๆ ที่ 19-20% จึงปรับกำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 50% เป็น 205 ล้านบาท เติบโต 33% Y-Y และคาดให้เงินปันผลตอบแทน 6%
  • GFPT(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 16.40 บาท แนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง คาดกำไรสุทธิ 2Q57 เบื้องต้นโต 39%YoY และทรงตัว QoQ เป็นผลจากปริมาณส่งออกไก่สดแช่แข็งไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และยอดขายอาหารปลาสูงขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนลงเล็กน้อยตามการขยับขึ้นของราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ สำหรับ 3Q57 ยังไปได้ดีเพราะเป็น High Season ส่งออก ส่วนปี 58 รับผลดีจากอุปสงค์ในประเทศและส่งออกเติบโต รวมถึงปริมาณขายไก่สดให้กับ GFN จะเพิ่มขึ้น 12-13% ด้วย ประมาณการกำไรสุทธิปี 57-58 จะเติบโต 10% และ 11% ตามลำดับ (จากกำไรสุทธิปี 56 ที่บวกขึ้นถึง 549%)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ