ทั้งนี้จากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ทำให้บริษัทฯมีการปรับสัดส่วนงานภาคเอกชนเพิ่มขี้นเป็น 80% และภาครัฐลงเหลือ 20% จากเดิมมีสัดส่วนงานภาครัฐอยู่ที่ 70% และเอกชน 30%
ขณะที่บริษัทฯ ยื่นประมูลงานเพิ่มมูลค่างาน 6,179 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงานภาครัฐวิสาหกิจจำนวน 2,500 ล้านบาท และที่เหลือจะเป็นงานของเอกชน ประกอบกับบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะยื่นประมูลงานในประเทศพม่าและลาว มูลค่ารวมกว่าพันล้านบาท โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 58 เนื่องจากบริษัทฯ เข้าประมูลงานแบบ Sub-Contact ซึ่งต้องรอผู้รับเหมาหลักได้รับงานก่อน
"รายได้เราก็ยังมองไว้เท่าเดิม จากที่คาดว่าทั้งปีจะมีการรับรู้รายได้เข้ามาได้ตามเป้าหมาย ขณะที่เรามีการบริหารความเสี่ยงต่างๆมากขึ้นเพื่อลดต้นทุนทั้งด้านวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง ไม่เพิ่มจำนวนคน เพื่อบริหารอัตรากำไรให้ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งอาจจะลดลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าคงลดลงไม่มากนัก ซึ่งปีก่อนบริษัทฯมีอัตรากำไรสุทธิ ที่ 0.84%อัตรากำไรขั้นต้น 5.31%"นายปสันน กล่าว