ปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง 6 โครงการใหม่ โดยแบ่งเป็นในประเทศ 5 โครงการ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ศาลายา จะเปิดให้บริการในเดือน ส.ค.นี้ และเซ็นทรัลพลาซา ระยอง, เซ็นทรัลเวสต์เกต, เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ ที่จะเปิดให้บริการในปี 58 ,เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา รวมถึงโครงการเซ็นทรัลพลาซ่า ไอ-ซิตี้ และอีก 1 โครงการที่ประเทศมาเลเซีย ในโครงการ i-city เมืองชาห์อลัม รัฐสลังงอร์ ซึ่งบริษัทฯถือหุ้น 60% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4/59 อีกทั้งบริษัทฯยังอยู่ระหว่างการศึกษาเข้าไปลงทุนเปิดศูนย์การค้าที่ประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยเป็นลักษณะของการหาพันธมิตรร่วมทุน
สำหรับในปี 57 ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตได้ 15% จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 22,395 ล้านบาท โดย 10% มาจากการให้บริการเช่าพื้นที่ขายในศูนย์การค้าที่มีอยู่ปัจจุบัน และอีก 5% มาจากการให้บริการพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าที่เปิดให้บริการใหม่ ขณะที่กำไรสุทธิจะพยายามรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปี 56 ที่อยู่ที่ 6,292 ล้านบาท
ส่วนงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้เท่าเดิมที่ 1.5-1.6 ล้านบาท โดยใช้ในการก่อสร้างศูนย์การค้าใหม่และปรับปรุงศูนย์การค้าเดิม
"ในเรื่องของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเมือง เราก็ยังไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ดังกล่าว แต่ทั้งปีก็ยังตั้งเป้าหมายรายได้ไว้เท่าเดิม ส่วนการปรับขึ้นค่าเช่าเรามีนโนบายที่จะปรับขึ้นอีก 5% โดยในไตรมาสแรกมีการปรับขึ้นไปแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้จึงยังรอดูและประเมินสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิดต่อไป"นางสาวนภารัตน์ กล่าว