ในสัปดาห์หน้าต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และแนวทางการปฏิรูป ซึ่งค่อนข้างมีความคาดหวัง และหากไม่มี เหตุการณ์ปะทะมีโอกาสตลาดดีดตัวขึ้น แรงขายของนักลงทุนต่างชาติชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม หากรีบาวน์ขึ้นมาก็คงติดบริเวณแนว ต้าน
ให้แนวต้านที่ 953-957 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 930-925 จุดสำหรับสัปดาห์หน้า
"ถ้าขึ้นไปน่าจะมีแรงทำกำไรออกมา อาจจะเก็งกำไรในกรอบได้"
ส่วนราคาทองคำ มองในสัปดาห์หน้าราคาจะอิงไปทางลบมากกว่า เพราะยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่เข้ามา และเห็นว่า เงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่า เพราะเศรษฐกิจสหรัฐยังสนับสนุนได้ดี และตัวเลขภาคแรงงาน ภาคการผลิต ภาคอสังหาริมทรัพย์ ยังดี อีกทั้ง คาดการณ์กันว่าในการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ต้นเดือนมิ.ย.นี้อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือออกมาตรการ QE ออกมา ซึ่งจะทำให้ยูโรอ่อนและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าที่จะเป็นแรงกดดันราคาทองคำ
แต่ทางการอินเดียผ่อนคลายมาตรการการจำกัดการนำเข้าทองคำ แต่แรงขายของกองทุนทองคำก็ยังมีออกมา จึงมองว่า ราคาทองคำจะซึม อยู่ในกรอบ 1,280-1,270 เหรียญ/ออนซ์ ยังแนะให้ลงทุนในฝั่ง short อาจมีรีบาวน์ระหว่างทาง แต่ก็ไม่น่ายืน เหนือระดับ 1,310 เหรียญ/ออนซ์
สำหรับ Gold Future ในสัปดาห์หน้าให้แนวต้านไว้ที่ 20,200 - 20,250 บาท แนวรับที่ 19,900 - 19,800 บาท
ดัชนี SET 50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 944.13 จุด ลดลง 6.46 จุด, -0.68%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 195,949 774,980 Total Futures 195,132 769,568 SET50 Index 124,564 251,823 Sector Index - - Single Stock 61,464 494,298 Precious Metal 8,313 18,209 -GF10 7,093 13,622 -GF50 1,220 4,587 -Silver - - Curency 470 4,464 Energy 321 774 Interest Rate - - Total Options 817 5,412 Call 96 1,905 Put 721 3,507 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures +4,917 -3,272 -1,645 Options -15 +203 -188