อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของตลาดฯอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเชื่อว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจะต้องติดตามแรงขายที่ออกมาด้วย นอกจากนี้ให้ติดตามความคืบหน้าในเรื่องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รวมถึงการปฏิรูปประเทศ และการเลือกตั้งด้วย
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ภายหลังจากที่ได้ประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครนแล้ว เป็น"เปโตร โปโรเชนโก"ซึ่งคนนี้ก็ได้รับการยอมรับจากทั้งสหรัฐฯ และยุโรป อีกทั้งตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯงวดเม.ย.ก็ออกมาดีกว่าคาดด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,390 จุด แนวต้าน 1,405-1,410 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(23 พ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,606.27 จุด เพิ่มขึ้น 63.19 จุด (+0.38%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,900.53 จุด เพิ่มขึ้น 8.04 จุด(+0.42%),ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,185.81 จุด เพิ่มขึ้น 31.47 จุด(+0.76%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 130.43 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.46 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 89.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 32.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.96 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.74 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.26 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.79 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(23 พ.ค.) ที่ 1,396.84 จุด ลดลง 8.37 จุด(-0.60%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,796.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(23 พ.ค.)ที่ 104.35 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 61 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(23 พ.ค.)ที่ 5.82 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.59/61 ปัจจัยในปท.ยังกดดันบาทอ่อน
- สำนักงบฯชี้งบปี 58 ใช้ทันปลายปีนี้ วงเงิน 2.6 ล้านล้าน, คสช.เรียกหน่วยงานเศรษฐกิจ ภาครัฐ-เอกชนชี้แจงแนวนโยบาย ประกาศโรดแมพ 3 ระยะสู่เลือกตั้ง แต่ไม่กำหนดกรอบเวลา ขึ้นกับสถานการณ์ ด้านสำนักงบชี้จัดทำงบปี 2558 ตามกำหนด ขณะเอกชนระบุมีความชัดเจน-มั่นใจมากขึ้น
- ธ.ก.ส.จ่ายหนี้ค้างจำนำข้าววันนี้ ก้อนแรก 4 หมื่นล้าน จากคลังกู้อีก 5 หมื่นล้าน คาดจ่ายหมด 9 หมื่นล้าน ภายใน 1 เดือน คลังเผยสถาบันการเงินพร้อมปล่อยกู้หลังปลดล็อกข้อกฎหมาย ขณะที่ คสช.ตั้งทีมตรวจสต็อกข้าว พร้อมสั่งพาณิชย์-เกษตรฯ หามาตรการพยุงราคา
- "ประยุทธ์"รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯเป็นหัวหน้าคสช.วันนี้เตรียมใช้ธรรมนูญปกครองชั่วคราว เล็งตั้ง"นายกฯ-สภานิติบัญญัติ-สภาปฏิรูป" ขณะที่ คสช.ยกความผิดต่อสถาบัน-คดีความมั่นคง-ขัดคำสั่ง คสช.ขึ้นศาลทหาร
- สมาคมนักวิเคราะห์เตรียมทบทวนคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ใหม่ บล.เอเซีย พลัส คาดกำไรลดลง 2% ขณะที่ บล.กรุงศรี รอประเมินสถานการณ์ เชื่อผลกระทบมีไม่มาก ด้าน บลจ.โซลาริส คาดแรงขายต่างชาติ อาจจะไม่มีผลกระทบ ต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เหตุขายออกไปมากแล้ว เชื่อสิ้นปีดัชนีมีลุ้น 1,515 จุด หวังการเมืองคลี่คลายต่างชาติกลับมาลงทุน
- แบงก์ชาติจับตาสถานการณ์การเพิ่มขึ้นเอ็นพีแอลในระบบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคล หลังพบปริมาณหนี้เพิ่มกว่าครึ่งหนึ่งของระบบ เผยเกิดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาการเมือง แต่ลูกค้าและธนาคารก็ระวังตัวมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องออกมาตรการ Macro Prudential เข้ามาดูแล ต้องระวังการซ้ำเติมเศรษฐกิจ การทำนโยบายต้องมีความสมดุล
- ธนาคารแห่งประเทศไทยเชื่อว่าระบบธนาคารสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้แล้ว โดยมีความแข็งแกร่งด้านเงินทุนและคุณภาพสินทรัพย์ จึงทยอยเปิดเสรีให้ต่างชาติเริ่มเข้ามาจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ได้บ้างแล้ว เป็นไปตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 (มาสเตอร์แพลน 2) ที่ใช้ในปี 2553-2557
*หุ้นเด่นวันนี้
- AMATA(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เพิ่มเป้าเป็น 17.80 บาท แม้ 5 เดือนแรกขายที่ดินได้เพียง 178 ไร่แต่มีลูกค้ารายใหญ่ 2-3 รายเลื่อนการเซ็นสัญญามาตั้งแต่ปีก่อนเพราะไม่มั่นใจ คาดเมื่อการเมืองนิ่งยอดขายที่ดินจะกลับสู่ปกติในช่วงปลายปีนี้ ปรับกำไรปกติปี 57-58 ขึ้น 6% และ 4% เป็น 1.4 พันล้านบาท(-10% Y-Y)ในปีนี้และ 1.3 พันล้านบาท(-7% Y-Y)ในปีหน้า จากการปรับเพิ่มส่วนแบ่งกำไรจาก Gheco-One
- EGCO(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 150 บาท ราคายัง Laggard กลุ่มพลังงาน ซื้อขายที่ P/BV เพียงระดับ 0.95 เท่า ในภาวะที่ตลาดผันผวนหุ้นไฟฟ้าถือเป็น Defensive Stock โดย EGCO ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ 4.5% ต่อปี สูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า(อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้าในปี 2557 อยู่ที่ 3.3%) ขณะที่ราคา EGCO ยังคงมี Upside
- MFEC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 8 บาท แม้ว่าจะปรับประมาณการผลประกอบการของ MFEC ลงเพื่อสะท้อนปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองและการเลื่อนโครงการของภาครัฐ ซึ่งมีผลต่อมูลค่าเหมาะสมให้ลดลง แต่ราคาหุ้นปัจจุบันยังคงมี Upside 10% อีกทั้งยังมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลต่อปี 6-7% ราคาหุ้น MFEC ซื้อขาย PE ปี 2557 ที่ 12.6 เท่า ถูกลงเมื่อเทียบกับราคาหุ้นช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาซื้อขาย PE เกือบ 16 เท่า แนวโน้ม 2Q57 คาดว่ากำไรสุทธิฟื้นตัว QoQ จากการรับรู้รายได้งานโครงการที่เลื่อนรับรู้จาก 1Q57 และ 4Q56 มองเป็นประเด็นบวกต่อราคาหุ้น
- KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"ราคาเหมาะสม 25 บาท เชื่อได้ประโยชน์โดยตรงจากการปล่อยสินเชื่อให้กับภาครัฐจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของ คสช.ที่ผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนทั้งรถไฟฟ้ารางคู่และรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ช่วงที่เหลือของปี 57 และการเร่งจัดทำงบประมาณปี 2558 ให้ทันจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อปีหน้า นอกจากนั้น การเร่งเบิกจ่ายเงินโครงการจำนำข้าวให้กับเกษตรกรภายใน มิ.ย.เชื่อเป็นบวกต่อสินเชื่อรายย่อยในทั้งระบบธนาคารให้กลับมาเติบโตอีกครั้งใน 2H57 และช่วยทำให้ NPL มีแนวโน้มลดลง คาด 2Q57 มีทิศทางเติบโต qoq เป็น 9.0-9.5 พันล้านบาท และมี Valuation ที่น่าสนใจ