ทั้งนี้ บริษัทยอมรับว่าคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รัฐประหารที่มีการประกาศเคอร์ฟิว เนื่องจากร้านค้าต้องปิดทำการเร็วกว่าช่วงเวลาปกติตามห้างสรรพสินค้า รวมถึงประชาชนไม่ค่อยออกมาจับจ่ายใช้สอย แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าขณะนี้ยังได้รับผลกระทบไม่มากนัก จากที่บริษัทมีจุดจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศ ประกอบกับ เชื่อว่าจะได้รับผลบวกจากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตร(ธกส.)เพื่อนำมาจ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้ชาวนา เพราะจะช่วยให้เกิดสภาพคล่องเพิ่มเข้าสู่ระบบ และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจที่จะปรับตัวดีขึ้น จากการที่ประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเป้ายอดขายเติบโตเฉลี่ยไว้ที่ 20% ต่อปี ถึงปี 59 โดยจะมีการเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานธุรกิจทั้งในตลาดธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ อีกทั้งจะมีการขยายจุดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้จะคาดว่าอัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) ปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 23-24% ลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 25% เนื่องจากบริษัทเข้าซื้อกิจการไทม์ เดคโดเข้ามา ซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำ ทำให้ฉุดอัตรากำไรสุทธิรวมลดลงตาม
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าเพื่อซื้อกิจการเพิ่มเติม จากที่ตั้งเป้าหมายจะซื้อกิจการใหม่ปีละ 1-2 กิจการ โดยคาดว่าปีนี้น่าจะมีโอกาสสรุปการเจรจาซื้อ 1 ราย น่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งเบื้องต้นตั้งงบลงทุนสำหรับการซื้อกิจการไว้จำนวน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 300 ล้านบาท