ทั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์ทางการเมืองน่าจะจบได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์ไปด้วย รวมถึงบริษัทได้รับงานเข้ามาเป็นประเภทงานสิ่งพิมพ์ปลอดการทำซ้ำ เกี่ยวกับงานพิมพ์ไปรษณีย์บัตรในช่วงเทศกาลบอลโลก และบริษัทมีการรับงานประเภทใหม่เพิ่มเติมเข้ามา คือการทำบรรจุภัณฑ์อาหาร โดยได้รับงานจากภาครัฐมาแล้วกว่า 100 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างการรอเจรจางานของภาคเอกชน
บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 233.98 ล้านบาท พร้อมรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับตัวเลข 2 หลักต่อไป โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีอัตรากำไรสุทธิที่ 14.78% จากที่บริษัทรับงานใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูงหรืองานประเภท Advanc&Security เช่น แสตมป์ ไปรษณียบัตร เช็ค กระดาษข้อสอบ เพิ่มมาถึง 27% จากปีก่อนอยู่ที่ 19%
นอกจากนี้ บริษัทมองแนวโน้มรายได้และกำไรในไตรมาส 2/57 จะต่ำกว่าไตรมาส 1/57 ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 484.05 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 110.13 ล้านบาท เนื่องด้วยในช่วงไตรมาส 2/57 จะมีวันหยุดยาวจำนวนมาก ประกอบกับไตรมาสแรกที่ผ่านมาผลประกอบการโดยรวมออกมาดีกว่าคาดการณ์ จากที่มีการทยอยรับรู้รายได้ของออเดอร์ในปลายปี 56 ขณะที่เชื่อมั่นว่าผลประกอบการไตรมาส 2/57 จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างแน่นอน
สำหรับงบลงทุนปีนี้บริษัทฯตั้งไว้ที่ 100 ล้านบาท โดยจะใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักรและเพิ่มจำนวนเครื่องจักรใหม่เข้ามา โดยปัจจุบันได้ทยอยลงทุนไปแล้วกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯมีมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในไตรมาส 2 นี้ราว 100 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ในครึ่งปีหลัง