ปัจจุบันการผลิตผลิตภัณฑ์ไส้กรอกของซีพีเอฟทั้งที่มีนบุรีและสระบุรี มีกำลังการผลิตรวม 7,000 ตันต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกบางส่วนไปยังต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ฮ่องกง รวมทั้งประเทศในกลุ่มเออีซี ได้แก่ สิงคโปร์ และพม่า ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่ซีพีเอฟเข้าลงทุนก็มีการผลิตไส้กรอกเพื่อจำหน่ายในประเทศ เช่น เวียดนาม แต่จะมีความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ น้อยกว่าในประเทศไทย
"การเปิดเออีซี ในปี 2558 ที่จะถึงนี้ ถือเป็นโอกาสในการขยายตลาดได้อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันความต้องการในประเทศที่ยังมีอยู่ในทุกระดับผู้บริโภคถือเป็นโอกาสที่สดใสของสินค้าไส้กรอก"นายณกฤษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกของบริษัทที่เป็นสินค้าพรีเมี่ยม มีส่วนแบ่งทางการการตลาดในประเทศ 25% ซึ่งถือว่าน้อยมากเพราะตลาดไส้กรอกของไทยเป็นตลาดใหญ่ มีผู้บริโภคกันมาก แต่เนื่องจากราคาที่ต่างกัน ทำให้สินค้าเกรดซีที่มีราคาถูกและส่วนใหญ่วางขายตามตลาดนัด ยังคงได้รับความนิยม ซึ่งซีพีเอฟยังมองว่าสามารถขยายตลาดได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันที่คุณภาพของสินค้า จากกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ถือเป็นจุดแข็งในสินค้าที่ซีพีเอฟให้ความสำคัญ
นายณกฤษษ์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวโจมตีผู้ประกอบการไส้กรอก โดยเผยแพร่คลิปการนำลูกหมูทั้งตัวใส่ในเครื่องบดแล้วออกมาเป็นไส้กรอก ว่าในความจริง เป็นการนำภาพเครื่องทำลายซากหมู มาตัดต่อจนทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการผลิตไส้กรอก ซึ่งการผลิตไส้กรอกแต่ละชนิดจะใช้ประเภทชิ้นส่วนของหมูที่ต่างกัน หากมีสิ่งแปลกปลอม เช่น กระดูก ฟัน หรือ เครื่องใน จะส่งผลต่อคุณภาพ ทำให้มีรสชาติผิดเพี้ยน และผิวสัมผัสที่เปลี่ยนไป
นายณฤกษ์ กล่าวอีกว่า กระบวนการผลิตไส้กรอกปลอดภัย ตราซีพี ที่โรงงานอาหารสำเร็จรูปหนองจอก เขตมีนบุรี มีสายการผลิตระบบอัตโนมัติแบบต่อเนื่องตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงการจัดเก็บ (Completely Automation Line) ที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีระดับโลกแห่งแรกในภูมิภาคเอเซีย ที่สำคัญคือ การเลือกเนื้อสัตว์คุณภาพดีจากฟาร์มของบริษัทที่ผ่านการตัดแต่งจากโรงงานแปรรูปมาตรฐาน นำมาเข้ากระบวนการผลิตอันทันสมัยสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดสายการผลิต ภายใต้มาตรฐานสากล เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สดสะอาดและปลอดภัยสู่ผู้บริโภค
กระบวนการผลิตไส้กรอกของซีพีเอฟ จะเริ่มจากการคัดเลือกวัตถุดิบเนื้อสัตว์คุณภาพดี จากฟาร์มของซีพีเอฟที่มีเทคโนโลยีการผลิตสุกรปลอดสารที่ก้าวหน้าและมีมาตรฐาน จากนั้นสุกรปลอดสารดังกล่าวจะเข้าสู่โรงงานแปรรูปสุกรที่ทันสมัยภายใต้การรับรองมาตรฐานการส่งออก การตัดแต่งสุกรจะแยกชิ้นส่วนประเภทเนื้อ เช่น สันใน สันนอก สามชั้น สะโพก ฯลฯ โดยเนื้อแต่ละชิ้นส่วนจะถูกเก็บรักษาและขนส่งมายังโรงงานผลิตไส้กรอกโดยการควบคุมอุณหภูมิเย็นตลอดเวลา เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์ที่สด สะอาด ปลอดภัย และยังเลือกใช้ส่วนผสมเฉพาะจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานทั่วโลก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพดี รสชาติอร่อย มีความเป็นเอกลักษณ์ เป็นไปตามข้อกำหนดและกฎหมาย ทั้งยังผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดก่อนรับเข้าสู่กระบวนการผลิต โดยสินค้าทุกซองจะต้องผ่านเครื่องตรวจจับโลหะทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ปลอดภัย โดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยไส้กรอกจากโรงงานนี้ไม่มีสารกันบูด บริษัทจึงเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดเทอร์โมฟอร์มแบบฟิล์มหลายชั้น (Muti-layer thermoforming film) ซึ่งสามารถรักษาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ ร่วมกับการบรรจุอัตโนมัติเพื่อช่วยลดการปนเปื้อนระหว่างการบรรจุ ทำให้อายุการเก็บของผลิตภัณฑ์นานขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภค เพราะสามารถอุ่นร้อนได้อย่างปลอดภัยด้วยเตาไมโครเวฟ