แนวโน้มยอดขายไตรมาส 2/57 สูงกว่าไตรมาส 1/57 ที่ 9.8 แสนตัน เป็นผลจากการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทมุ่งขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นจากปัจจุบันขายที่จีนแห่งเดียว ขณะนี้บริษัทสนใจตลาดอินเดีย กัมพูชา พม่า และเวียดนาม เพราะมีโรงไฟฟ้าขึ้นใหม่จำนวนมาก
"ในจีนดีมานด์ใช้ถ่านหินยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% ของยอดขาย หรือราว 2 ล้านตันในปีนี้ จากปี 56 ที่ 34% ขณะที่ในประเทศที่ 66%" นายพนม กล่าว
ส่วนการซื้อเหมืองถ่านหินบริษัทไม่รีบ เพราะราคาถ่านหินยังไม่ฟื้น ซัพพลายในตลาดยังสูง มาร์จินยังต่ำมากทั้งเจ้าของเหมืองและผู้ค้าวันนี้เป็นตลาดของผู้ซื้อ ซึ่งถ้าจะซื้อเหมืองใหม่ ซื้อแล้วต้องมีกำไร
"เราทำเทรดดิ้งก็มีกำไรอยู่แล้ว แต่กลยุทธ์ระยะยาวก็ยังจะซื้อเหมือง แต่ตอนนี้เทรดดิ้งทำกำไรอยู่ก็จะเพิ่มวอลุ่ม ขยายตลาดไป แต่เราก็เปิดกว้างตอนนี้ดูอินโดฯที่เดียว แต่ถึงแม้ยังซื้อเหมืองไม่ได้ ก็ยังสามารถขยายธุรกิจได้"นายพนม กล่าว
ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัจจุบันมี 2 โครงการ โครงการแรก 3 เมกะวัตต์ คาดจ่ายไฟไตรมาส 1/58 ซึ่งถ้ารับรู้รายได้ครบปีอยู่ที่ 60-70 ล้านบาทต่อปี โครงการที่ 2 ราว 9 เมกะวัตต์คาดจ่ายไฟได้ไตรมาส 2-3/58 ถ้ารับรู้รายได้ทั้งปี 200 กว่าล้านบาท/ปี ทั้ง 2 โครงการอยู่ที่ จ.สุโขทัย มีสัญญาขายไฟกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.).แล้ว ส่วนโครงการที่ 3 ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรและหาสถานที่ ประเมินมูลค่าลงทุน 700 ล้านบาท หากแล้วเสร็จจะรับรู้รายได้ทั้งปี 200-250 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตามแผน 5 ปี (57-62) บริษัทจะมีโรงไฟฟ้าครบ 10 โรง รวมกำลังการผลิต 100 เมกกะวัตต์ คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนราว 7,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อถึงปี 62 รายได้จากขายถ่านหินคงจะเกิน 10,000 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้า 2500 ล้านบาท