บริษัทคาดว่าการนำ TPCH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai น่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ โดยบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าให้ได้ 100-120 เมกะวัตต์ ภายในปี 2560 คาดการณ์รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท
การจัดตั้งบริษัทใหม่นี้ คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใส ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐที่กำหนดให้มีอัตราส่วนเพิ่ม(Adder)จากราคารับซื้อไฟฟ้าที่ 0.3 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง รวมทั้งเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ส่งเสริมและสร้างความเติบโตของรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัท และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งระยะยาวจะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิให้กับ TPOLY เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงตลอดไป
ทั้งนี้ การระดมทุนดังกล่าว ทีพีซี มีนโยบายที่จะเพิ่มทุนอีกจำนวน 90,650,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 39 ล้านหุ้น และเพื่อรองรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กรรมการและ/หรือพนักงานของทีพีซี และบริษัทย่อยของทีพีซี ภายใต้โครงการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการและ/หรือพนักงาน (ESOP Scheme) จำนวน 1.2 ล้านหน่วย ซึ่งจะเป็นผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในทีพีซีลดลงจาก 66.19% ของทุนจดทะเบียนของทีพีซี เหลือ 51.23% ของทุนจดทะเบียนของทีพีซี (คิดคำนวณจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปและเพื่อรองรับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กรรมการและ/หรือพนักงานของทีพีซี และบริษัทย่อยของทีพีซี) และผู้ถือหุ้นของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการที่สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในทีพีซีลดลงด้วย
เพื่อเป็นการช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นของบริษัทจากการที่สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในทีพีซีลดลง ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้ทีพีซีเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 50.39 ล้านหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นบริษัท(Pre-emptive Right) หรือคิดเป็นสัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายเดียวกับการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปของทีพีซี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นของ TPOLY ลงทุนในทีพีซี
"ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากวิสัยทัศน์ และแผนดำเนินธุรกิจที่วางไว้เมื่อ 3 ปีก่อน โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอน เพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ในส่วนของธุรกิจหลัก 3 ส่วนคือพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยตั้งเป้ารายได้รวมจากทุกธุรกิจ 3,400 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจก่อสร้าง 3,000 ล้านบาท พลังงาน 200 ล้านบาท และอสังหาริมทรัพย์ 200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 88% 6% และ 6% ตามลำดับ"นายไชยณรงค์ กล่าว