นอกจากนี้ บริษัทเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้าพอร์ตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอีก 13,000 ล้านบาท เป็น 43,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย จากสิ้นปี 56 บริษัทมีพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพอยู่ที่ 31,000 ล้านบาท เนื่องจากสถาบันการเงินต่างๆ เข้ามาเจรจาขายหนี้ด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างรอข้อสรุปในการซื้อหนี้ก้อนใหญ่เพิ่มเติมอีกในไตรมาส 2/57 ซึ่งส่วนใหญ่หนี้ที่ซื้อมาบริหารช่วงนี้เป็นหนี้ประเภทสินเชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จากปัจจัยดังกล่าวจะสนับสนุนกำไรสุทธิทั้งปี 57 จะเติบโตสูงเมื่อเปรียบเทียบกับปี 56 ที่มีกำไร 75.08 ล้านบาท
“ภาพรวมตลาดสินเชื่อในปี 57 มีแนวโน้มเติบโตขึ้น จากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ประชาชนรายได้ต่ำลง ทำให้สถาบันการเงินต่างๆ ขายหนี้เสียออกมาเพิ่มขึ้น และเริ่มนำหนี้กลุ่มอื่นๆ ออกมาขายเพิ่มเติม เช่น หนี้กลุ่ม SME จากเดิมหนี้ที่นำออกมา ขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้สินเชื่อรถยนต์และจักรยานยนต์ ทำให้ JMT มีโอกาสเลือกซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้มากขึ้นเช่นกัน อีกทั้ง บริษัทฯ ก็มีนโยบายการเลือกซื้อหนี้เสียที่ได้คุณภาพนำมาบริหาร ซึ่งจะสนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง"นายปิยะ กล่าว
นายปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ผลงานในไตรมาส 1/57 ที่ออกมาปรับลดลง แต่ถือเป็นการปรับลดทางบัญชีจากการที่บริษัทเร่งตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่ให้เสร็จสิ้น ตามที่เคยแจ้งต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ตัดต้นทุนหนี้ก้อนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสนับสนุนให้ผลงานในไตรมาส 2/57 และครึ่งปีแรกนี้เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่วนบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์เจ จำกัด(JAM) ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการหนี้สินที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว อยู่ระหว่างรอข้อสรุปดีลการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร และบริษัท เจเอ็มที อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด(JMTIB) ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งปัจจุบันมีบันทึกข้อตกลงกับบริษัทประกันภัยที่ทำสัญญากับ ลูกค้ารายย่อยแล้ว 7 รายได้แก่ บมจ.กรุงเทพ ประกันภัย, บมจ.วิริยะ ประกันภัย, บมจ.แอล เอ็มจี ประกันภัย, บมจ.เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย), บมจ.เมืองไทยประกันภัย, บมจ. เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย), บมจ.ทิพยประกันภัย
JMTIB ตั้งเป้าปีนี้จะมีรายได้จากธุรกิจนี้ประมาณ 20 ล้านบาท จากการเริ่มขายประกันภัยบุคคลผ่านช่องทางร้านเจมาร์ทราว 70 สาขา ภายในกรุงเทพและปริมณฑลเรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจนายหน้าประกันภัยผ่านร้านเจมาร์ทในเขตพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องอีกราว 70 สาขา สนับสนุนผลงานทั้งปี JMT จะเติบโตขึ้นอย่างมาก
ส่วนการรุกตลาดต่างประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างการขอจดทะเบียนเพื่อดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อให้แก่บุคคลทั่วไป(Micro Finance) ในประเทศพม่า โดยจะเริ่มการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวผ่านร้านเจมาร์ท ซึ่งไปเปิดสาขาในพม่าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในธุรกิจนี้ช่วงปลายปี 57 เป็นก้าวแรกเพื่อรุกตลาดอาเซียนในอนาคต
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในไตรมาส 1/57 ( สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.57) กำไร 16.61 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 27.47 ล้านบาท ลดลง 10.86 ล้านบาท หรือ 39.54% สำหรับรายได้อยู่ที่ 88.25 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 93.51 ล้านบาท ลดลง 5.26 ล้านบาท หรือ 5.63%
เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพลดลงจาก 66.66 ล้านบาท เป็น 63.80 ล้านบาท หรือลดลง 2.86 ล้านบาท คิดเป็น 4.29% จากการตัดเงินลงทุนในลูกหนี้มากขึ้น ส่งผลกระทบทำให้การรับรู้รายได้ลดลง ส่วนรายได้จากการติดตามหนี้สิ้น ลดลงจาก 23.98 ล้านบาท เป็น 22.58 ล้านบาท หรือลดลง 1.40 ล้านบาท คิดเป็น 5.83% เนื่องจากอัตราค่าบริการติดตามหนี้โดยเฉลี่ยลดลง และรายได้ดอกผลตามสัญญาเช่าซื้อลดลงจาก 2.88 ล้านบาท เป็น 1.87 ล้านบาท หรือลดลง 1.01 ล้านบาท คิดเป็น 34.95% จากการหยุดให้สิน เชื่อ