อนึ่ง ผลประกอบการในงวดปี 56 มีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท แม้ว่าจะเป็นปีแรกที่พลิกมีกำไรในรอบ 4 ปี แต่จำนวนเงินยังน้อยเกินไป บริษัทจึงตัดสินใจงดจ่ายเงินปันผล แต่ปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนแน่นอน
นายราจีฟ กล่าวอีกว่า กำไรที่สูงขึ้นจะมาจากปริมาณขายที่คาดว่าเติบโต 5% จากปีก่อนที่มียอด 1.29 ล้านตัน แม้จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อนที่เติบโตราว 10% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง ส่งผลทำให้ความต้องการใช้เหล็กลดลง โดยในปีนี้คาดความต้องการใช้เหล็กในประเทศเติบโต 2.5% ดังนั้น บริษัทจะหันไปส่งออกมากขึ้นเป็นสัดส่วน 15% จากเดิม 10% โดยเฉพาะการส่งไปยังตลาดลาว เช่น การใช้ก่อสร้างโครงการไซยะบุรี, กัมพูชา และอินโดนีเซีย เป็นต้น
"ยอดขายปีนี้ไม่น่าจะโตเท่าปีที่แล้วที่โต 10% เพราะเศรษฐกิจชะลอตัว เมื่อจีดีพีไม่ค่อยดีจากการเมืองกระทบดีมานด์...แต่ยังมีมุมมองการเมืองนิ่ง คาดว่าเดินหน้าต่อโครงการที่มีอยู่แล้ว"นายราจีฟ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่กระทรวงพาณิชย์ได้เรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด(AD)สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงจากจีนที่อัตรา 5% มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.57 นั้น แม้จะเป็นอัตราต่ำกว่าที่คาด แต่ก็ช่วยให้เหล็กนำเข้าจากจีนดัมพ์ตลาดในไทยได้ยากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อยอดขายของบริษัท รวมทั้งบริษัทได้มีการเพิ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น เหล็กต้านแผ่นดินไหว เหล็กตัดและดัด ขณะเดียวกันก็จะปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น และบริษัทชำระคืนเงินกู้ 400 ล้านบาทในสิ้นเดือน พ.ค.57 จากที่มีอยู่ 2.6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 1 /58 (เม.ย-มิ.ย.57) จะดีกว่าในไตรมาส 1/57 (เม.ย.-มิ.ย.56) ซึ่งปีที่แล้วผลประกอบการไม่ดีซึ่งมีการดัมพ์ราคาเหล็กจากจีน
ส่วนแผนขายเตาหลอม Mini Blast ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะขนาดการผลิต 5 แสนตันเล็กเกินไป เพราะทั่วโลกต้องการเตาหลอมขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดีพยายามให้กลุ่มทาทาเข้ามารับซื้อ ซึ่งหากขายได้ก็จะนำเงินส่วนนี้ไปล้างภาระขาดทุนสะสม