ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน กำลังผลิต 1.2 พันเมกะวัตต์ในพม่า คาดว่าจะรู้ผลการประมูลในช่วงไตรมาส 3/57 ซึ่งหากบริษัทได้สัมปทานก็จะนำบริษัทโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในช่วงกลางปี 58 เพื่อระดมทุน
นางสุรัตนา ตฤณรตนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายขายและจัดซื้อจัดหา TTCL คาดว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้จะอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน backlog 2.2-2.3 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วง 2 ปีนี้ โดยในปีนี้จะรับรู้ฯประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/57 คาดว่ารายได้จะสูงกว่างวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าในพม่าขนาด 80 เมกะวัตต์ ราว 10 ล้านเหรียญสหรัฐ และไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองเพราะรับงานภาคเอกชนทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่เป็นงานต่างประเทศ
บริษัทอยู่ระหว่างรอคำตอบการอนุมัติดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจากรัฐบาลพม่า ขนาดกำลังการผลิต 1.28 พันเมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนเจรจารายละเอียด ทั้งนี้ หากได้รับการอนุมัติให้ดำเนินโครงการดังกล่าวจากรัฐบาลพม่า ก็จะใช้บริษัท โตโย-ไทย เพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ระดมทุน โดยนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ราวกลางปี 58
ปัจจุบัน TTCL ถือหุ้นใน บริษัท โตโย-ไทย โฮลดิ้งส์ 58% หากได้อนุมัติโครงการก็จะเพิ่มทุน ซึ่ง TTCL จะถือหุ้นเพิ่มเป็น 70%
"เศรษฐกิจไทยช่วงนี้คงดีขึ้นเพราะอั้นมานาน ปีนี้ที่มั่นใจรายได้ 1.8 หมื่นล้านบาทเพราะมีรับรู้โรงไฟฟ้าจากพม่า และโครงการเดิมของเราที่ทำอยู่ มี backlog แล้ว ที่ตั้งเป้าไว้เพราะดูจาก backlog ขณะที่บริษัทรับงานเอกชนทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นงานต่างประเทศ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศมาจากเวียดนาม กาตาร์ พม่า สหรัฐ"นางสุรัตนา กล่าว
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทในขณะนี้มาจากงานต่างประเทศ 50% งานในประเทศ 25% อีก 25% จากการลงทุนภายใต้บริษัท โตโย-ไทยเพาเวอร์ โฮลดิ้ง