สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 83,463 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 47,361 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 56.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 28,868 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 34.6% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,279 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB21DA, LB196A และ LB176A (รุ่นอายุ 7.6 ปี, 5.1 ปี และ 3.1 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 23,828 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI155A) มูลค่า 153.5 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF185A) มูลค่า 151.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (GLOBAL172A) มูลค่า 142.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 447.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 34 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 668 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,794 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.03% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.13% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลง ในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. พันธบัตรรัฐบาล รุ่น Benchmark อายุ 30 ปีที่ประมูลวันนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 2.31 เท่าของวงเงินประมูล โดยตลาดเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ด้านปัจจัยต่างประเทศ ตลาดติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 83 จากระดับ 81.7 ในเดือนเม.ย. ส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,794 ล้านบาท