ทั้งนี้จะทำให้รายได้และกำไรทั้งปีของบริษัทฯ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ จากจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทฯมีการบริหารจัดการต้นทุนการเดินเรือได้ดีขึ้น
"ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 เป็นช่วงการเดินเรือที่ดี ซึ่งบริษัทฯ มีเรือเพิ่มขึ้น และเรามีการดูแลเรื่องของต้นทุนการเดินเรืออย่างน้อยต้องเท่ากับต้นทุนของตลาด ประมาณ 15-20% และเพิ่มคุณภาพดูแลรักษาเรือของกองเรือ เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันได้"นายเฉลิมชัย กล่าว
สำหรับบริษัท PM Thoresen Asia Holdings (PMTA) ซึ่งมีธุรกิจหลักคือธุรกิจปุ๋ยในเวียดนามนั้น คาดว่าจะนำเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ช่วงครึ่งปีหลังนี้ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นไฟลิ่ง คาดว่าการนำบริษัท PMTA เข้าตลาดฯ จะทำให้เพิ่มความมั่นใจของผู้ถือหุ้นว่าธุรกิจของบริษัทฯ มีความหลากหลายและธุรกิจพลังงานของบริษัทฯ มีระยะสัญญาที่ยาวมากขึ้น และมีกำไรที่สูงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนบมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) คาดว่าจะสามารถพลิกมีกำไรได้ภายในปี 58 จากขาดทุนอยู่ที่ 375 ล้านบาทในปีก่อน โดยในปีนี้บริษัทฯ มีการลดต้นทุนเพื่อให้มีความเหมาะสมกับกำลังการผลิต นอกจากนี้ ยังนำถ่านหินที่อยู่ในสต็อกออกมาจำหน่าย เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดมากขึ้น