เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เมืองส่งผลให้ปริมาณการเติมน้ำมันลดลง แต่ก็ยังมีกการเติบโตถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเที่ยวบินต่างๆยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างได ทั้งนี้ยังมีการเติบโตจากบริษัทฯลูก ทั้งค่าเช่าถังเก็บน้ำมัน และบริการส่งน้ำมันทางท่อยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ยุงเติบโตได้ตามเป้าหมาย
นายฉัตรธัย มองว่าสถานการณ์ต่างๆเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นๆเท่านั้น เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ และมีการเติบโตที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่หลังจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เริ่มดำเนินนโยบายต่างๆและมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ คงจะทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณด้านต่างๆที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับมาฟื้นตัวได้ "เดือนนี้คงมีผลกระทบกับด้านการท่องเที่ยว แต่เรามองว่าคงจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันสายการบินต่างๆก็ยังไม่ได้มีการยกเลิกเที่ยวบินแต่อย่างใด ซึ่งเราก็เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับมาสู่ภาวะปกติได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่น คงจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีการเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง"นายฉัตธัยกล่าว
สำหรับงบลงทุนปีนี้บริษัทฯยังคงไว้ที่ราว 1.2 พันล้านบาท โดยจะใช้ในการสร้างถังเก็บสำรองน้ำมันจำนวน 4 ใบ โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง 1 ใบ ความจุ 5 ล้านลิตร ที่สนามบินสุวรรณภูมิ งบลงทุนราว 350 ล้านบาท รวมถึงสร้างถังเก็บสำรองน้ำมันโครงการเฟส 2 มูลค่าราว 700 ล้านบาท เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่
ทั้งนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการทำแผนการลงทุนให้บริการเติมน้ำมันในสนามบินพม่า คาดว่าจะสามารถทำแผนเสร็จในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามต้องรอรัฐบาลอนุมัติ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนราว 1,800 ล้านบาท นายฉัตธัยกล่าวกล่าวอีกว่า บริษัทฯคาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนวางท่อขนส่งน้ำมัน ตามแนวเส้นทางภาคกลางตอนบน และภาคเหนือ ในปีนี้ เบื้องต้นมูลค่าการลงทุนคาดว่าจะอยู่ที่ราว 7 พันล้านบาท แบ่ง 2 เฟส เฟสละ 3,500 ล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทฯลูก