นอกจากนี้บริษัทฯยังคงเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 50% ในปี 61 โดยในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 21% จากปีก่อนอยู่ที่ 20% โดยปัจจุบันก็ยังมองหาการลงทุนธุรกิจค้าปรีกเพิ่มเติมอีกด้วย
"ก่อนหน้านี้เรามองว่าสถานการณ์ต่างๆคงจะยืดเยื้อไปมากกว่านี้ แต่ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น หลัง คสช. มีที่มีอำนาจเต็มในการจะดำเนินนโยบายต่างๆให้เศรษฐกิจมีการเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะการจ่ายเงินจำนำข้าวที่ทำได้อย่างรวดเร็ว จะช่วงให้กำลังซื้อ และความมั่นใจในการซื้อมากขึ้น แต่ในครึ่งปีแรกคงจะยังไม่เห็นผลมากนัก แต่คงเห็นผลชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า ประกอบกับเรามีการเน้นตลาดในต่างประเทศมนกขึ้นซึ่งเราก็มีเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนถึง 50% ช่วยให้รายได้ของเรายังมีการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้" นางสาวเมทินี กล่าว
นางสาวเมทินี กล่าวอีกว่า รายได้ในช่วงไตรมาส 2/57 นี้จะสูงกว่าไตรมาส 1/57 แต่จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปัจจุบันแนวเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาดีขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น
บริษัทคาดว่า บริษัทจะได้ข้อสรุปการเข้าร่วมทุนกับบริษัทผลิตยาในประเทศ ในช่วงไตรมาส 2/57 นี้ โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 100 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในการร่วมลงทุนครั้งนี้
สำหรับงบลงทุนปีนี้บริษัทฯยังคงไว้ที่ 5 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นใช้ในการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และใช้ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค ปรับปรุงประสิทธิภาพบริหาร 1 พันล้านบาท แลงบลงทุนปกติอีก 1 พันล้านบาท