"น้ำตาลบุรีรัมย์"จะขายหุ้นเพิ่มทุน 169.18 ล้านหุ้น ลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 30, 2014 11:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ ได้ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 29 พ.ค.57 เนื่องจากบริษัทฯมีความประสงค์จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 169,182,500 หุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) โดยมีบล.เคที ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล, ใช้ชำระหนี้เงินกู้กับสถาบันการเงิน, เป็นเงินลงทุนในการขยายกำลังการผลิตน้ำตาล ประมาณ 800 ล้านบาท คาดว่าจะใช้ในปี 57 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น(Holding Company)ในธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายน้ำตาล ธุรกิจผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาล เช่น ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจปุ๋ย และธุรกิจสนับสนุน คือ การวิจัยและพัฒนา

ปัจจุบันบริษัทในเครือทั้งหมด 5 บริษัท โดยมีบริษัทย่อย 4 บริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจ และยังมีอีก 1 บริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อรองรับโครงการในอนาคต ดังนี้ บริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด(BSF) บริษัทฯได้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.90%, บริษัท บุรีรัมย์พลังงาน จำกัด(BEC),บริษัท บุรีรัมย์เพาเวอร์ จำกัด(BPC) , บริษัท ปุ๋ยตรากุญแจ จำกัด(KBF) และบริษัท บุรีรัมย์วิจัยและพัฒนาอ้อย จำกัด(BRD) โดยบริษัทฯได้ถือหุ้นในสัดส่วนแห่งละ 99.99%

ผลการดำเนินงานของบริษัทไตรมาส 1/57 มีรายได้รวม 1,007.52 ล้านบาท กำไรสุทธิ 71.81 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 5,867.22 ล้านบาท หนี้สินรวม 4,282.25 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 1,584.97 ล้านบาท

ณ วันที่ 30 มิ.ย.56 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 320 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 320 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 320,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท ต่อมาในวันที่ 2 ส.ค.56 บริษัทฯได้เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้เป้นหุ้นละ 1 บาท และหลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้ว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วทั้งสิ้น 676,750,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 676,750,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 31 มี.ค.57 ได้แก่ กลุ่มครอบครัวตั้งตรงเวชกิจ ถือหุ้น 502,825,000 หุ้นหรือคิดเป็น 99.07% หลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 74.30%

บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ