แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่อำนาจเต็มในการบริหารประเทศ บริษัทก็มีความหวังว่าอาจจะกลับมาเติบโตได้ถึง 30% หากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวขึ้น
"เราลดเป้าการเติบโตของปริมาณเติมน้ำมาณการเติมน้ำมันลง หลังสถานการณ์ทางการเมืองกระทบกับเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง รวมถึงการขอใบอนุญาติเปิดปั้มน้ำมันมีความล่าช่าออกไป ส่งผลให้ปริมาณการขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่เราก็ยังหวังว่าการใช้นโยบายต่างๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นการจ่ายเงินจำนำข้าวที่เริ่มไปแล้ว จะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมา ฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง และทำให้เติบโตได้ตามเป้าหมายเดิม" นายพิทักษ์ กล่าว
บริษัทคาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่มาจากการขายปลีกในสถานีบริการน้ำมันทั้งสถานีบริการของบริษัทเอง (สถานีบริการน้ำมัน COCO) และสถานีบริการน้ำมันที่เป็นของตัวแทนจำหน่ายน้ำมันของบริษัท (สถานีบริการน้ำมัน DODO) ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนสถานีบริการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เห็นได้จากไตรมาส 1/57 ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันภายในสถานีบริการเพิ่มขึ้น 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้สัดส่วนปริมาณน้ำมันที่จำหน่ายภายในสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 78% ของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด
ทั้งนี้ สัดส่วนปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ COCO ในไตรมาส 1/57 คิดเป็น 64% ของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 55% ของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันให้กับภาคอุตสาหกรรมและอื่นๆ คิดเป็นประมาณ 22% ของปริมาณน้ำมันที่จำหน่ายทั้งหมด ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 29% ของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด
สาเหตุหลักก็เนื่องมาจากบริษัทให้ความสำคัญกับการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเป็นหลัก จึงเร่งขยายสถานีบริการ โดยเฉพาะ COCO รวมถึงระบบบัตรสมาชิก Max Card ที่มีฐานสมาชิกกว่า 1.34 ล้านราย ณ สิ้นปี 56 โดยเพิ่มขึ้นกว่า 260% จากปีก่อนหน้า บริษัทจึงสามารถจัดกิจกรรมการตลาดที่ตรงกับความต้องการของสมาชิก จึงมีการใช้บริการสถานีบริการน้ำมัน PT อย่างสม่ำเสมอและมีปริมาณที่สูงขึ้น
สถานีบริการน้ำมัน COCO เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 1/56 และเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเปรียบเทียบกับสิ้นปี 56 โดยในไตรมาส 1/57 มีสถานีบริการเพิ่มขึ้น 19 แห่ง ซึ่งบริษัทคาดหวังขยายสถานีบริการถึง 1,000 แห่งภายในปี 57 ส่งผลให้มีสถานีบริการน้ำมันครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทจะเปิดคลังน้ำมันแห่งที่ 9 ในเดือน ส.ค.57 โดยคลังน้ำมันดังกล่าวตั้งอยู่ที่ ต.ม่วงหัก อ. พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ มีปริมาณความจุน้ำมันรวม 7.0 ล้านลิตร สามารถรองรับปริมาณน้ำมันหมุนเวียนสูงสุด 53 ล้านลิตรต่อเดือน การเปิดคลังน้ำมันครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพด้านโลจิสติก ทำให้ ส่งน้ำมันไปยังสถานบริการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยลดต้นทุนขนส่ง ซึ่งครอบคลุมเขตพื้นที่ให้บริการในภาคกลางและเหนือ รวม 6 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี กำแพงเพชร และตาก
บริษัทยังคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ค่าการตลาดน่าจะดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังดีขึ้น หลังไตรมาส 1/57 มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยอัตรากาไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจาก 4.9% มาเป็น 5.0%
นายพิทักษ์ กล่าวถึงแผนร่วมลงทุนในโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ เพื่อนำไปสู่การผลิตไบโอดีเซล B100 ตั้งแต่ต้นน้ำ เบื้องต้นคาดว่าจะมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3/57
ทั้งนี้บริษัทฯได้เข้าไปทำสัญญาเช่าจุดพักรถ 2 แห่ง คือศูนย์บริการทางหลวงเขาโพธ์ จ.หวัดประจวบ ขนาด 163 ไร่ และศูนย์บริการทางหลวงชัยนาท อ.มโนรมย์ ขนาด 5 ไร่ อยู่ระหว่างการออกแบบในการลงทุน และเจรจาเพื่อเพิ่มระยะเวลาสัญญาเช่า ให้มากขึ้นจากเดิม 10 ปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนในช่วงไตรมาส 3/57
ณ สิ้นไตรมาส 1/57 บริษัทมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นกว่า 700 ล้านบาทสำหรับใช้ในการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง และขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ การลงทุนหลักๆ ของบริษัทยังคงเป็นการขยายสถานีบริการน้ามันเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และทุกอำเภออย่างที่ตั้งใจไว้ รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษารวมถึงโอกาสและการใช้ประโยชน์จากสถานีบริการที่มีอยู่ทั่วประเทศว่าสามารถจำหน่ายสินค้าประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากน้ำมันได้หรือไม่ อีกทั้งการศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทนอื่นๆ รวมไปถึงเอททานอล