ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน 19,600 ลบ.PTTEP ที่“AAA/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 2, 2014 15:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 19,600 ล้านบาทของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ที่ระดับ “AAA" โดยหุ้นกู้ชุดใหม่จะแบ่งเป็นวงเงินไม่เกิน 8,200 ล้านบาทไถ่ถอนภายในปี 2562 และวงเงินไม่เกิน 11,400 ล้านบาทไถ่ถอนภายในปี 2572

พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “AAA" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ “AA" ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่" หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนซึ่งมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของ ปตท.สผ. อยู่ 2 ระดับสะท้อนถึงลักษณะการด้อยสิทธิและความเสี่ยงที่ผู้ถือตราสารอาจถูกเลื่อนนัดการชำระดอกเบี้ยของตราสารดังกล่าวได้ ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้สำหรับการลงทุนและเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทสะท้อนสถานะผู้นำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย ตลอดจนปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่มีมากพอ การสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการถือสัมปทานปิโตรเลียม และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนลงจากความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า ปตท.สผ. จะยังคงดำรงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อไปได้ โดยคาดว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 0.5 เท่าตามนโยบายทางการเงินของบริษัท ซึ่งเป็นระดับที่ได้พิจารณารวมไปถึงโอกาสที่บริษัทจะซื้อกิจการครั้งใหม่และศักยภาพของบริษัทที่จะสามารถรองรับความผันผวนของราคาปิโตรเลียมและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานในต่างประเทศได้

ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมระดับแนวหน้าของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2528 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อถือสิทธิ์สัมปทานปิโตรเลียมในนามของรัฐบาลไทย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2557 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติถือหุ้นใน ปตท.สผ. ในสัดส่วน 65.3% ทั้ง ปตท. และ ปตท.สผ. ยังคงมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้พระราชบัญญัติงบประมาณของไทย การเป็นตัวแทนของรัฐที่ทำหน้าที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมทำให้ ปตท.สผ. ได้รับประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการสัมปทานปิโตรเลียมที่สำคัญ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 ปตท.สผ. มีโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 42 โครงการใน 10 ประเทศ ซึ่งมี 23 โครงการอยู่ในขั้นตอนการผลิต และโครงการส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการสำรวจและพัฒนา

บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 2556 บริษัทมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วทั้งหมดซึ่งรวมถึงแหล่งปิโตรเลียมในต่างประเทศที่ระดับ 846 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ บริษัทมีสัดส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมจากโครงการในต่างประเทศคิดเป็น 47% ของปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว จากอัตราการผลิตปิโตรเลียมของบริษัทที่ 329,371 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2556 ปริมาณสำรองปิโตรเลียมของบริษัทจะผลิตได้นานประมาณ 7 ปี ต่ำกว่าปริมาณสำรองของผู้ประกอบการระดับโลกที่มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 10-15 ปี

เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการระดับโลกรายอื่นแล้ว ประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ปตท.สผ. ยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการผลิต (Lifting Cost) ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 4.88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2556 เป็น 5.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาสที่ 1 ปี 2557 ซึ่งสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการผลิตที่สูงของแหล่งมอนทารา

บริษัทยังคงมีฐานะการเงินโดยรวมที่แข็งแกร่ง และสถานะทางการเงินของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 ยังอยู่ในประมาณการของทริสเรทติ้ง ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 บริษัทมีรายได้ลดลงเล็กน้อย 0.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1,785 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ราคาขายเฉลี่ยลดลง 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเหลือ 64.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ในขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 298,621 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นมาจากการเริ่มผลิตของโครงการมอนทาร่าเมื่อกลางปี 2556 และการซื้อสัดส่วนลงทุนในแหล่ง Natuna Sea A ในช่วงปลายปี 2556 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 1,285 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของประมาณการทั้งปีโดยทริสเรทติ้ง

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทจัดว่ามีความแข็งแกร่ง บริษัทมีเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้วด้วยสัญญาเช่าดำเนินงานและหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน) จำนวน 4,243 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 โดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้ว) ต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 26.8% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่ดี โดยบริษัทมีเงินสดในมือ 3,071 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557

แผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนระยะ 5 ปีของบริษัทระหว่างปี 2557-2561 คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 16,404 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนดังกล่าวเพื่อรองรับแผนเพิ่มปริมาณการผลิตของบริษัทเป็น 2 เท่า จากระดับประมาณ 329,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2556 เป็น 600,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2563 โดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายจำนวน 271,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันนั้นจะมาจากโครงการในปัจจุบันของบริษัทที่อยู่ในระยะการสำรวจและพัฒนา รวมถึงการซื้อกิจการโครงการที่อยู่ในระยะการผลิตหรือใกล้ที่จะผลิตปิโตรเลียมแล้ว โครงการในปัจจุบันที่จะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตให้แก่บริษัทส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างประเทศ เช่น โครงการ Rovuma Offshore Area 1 ในสาธารณรัฐโมซัมบิก โครงการ Oil Sand ในประเทศแคนาดา และโครงการ M3 ในสหภาพพม่า ซึ่งโครงการเหล่านี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในปี 2561-2562

ในช่วงปี 2557-2559 ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ประมาณ 5,500-5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีโดยอยู่บนสมมติฐานที่ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 330,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันและราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่ 64.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โดยมีแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วงปี 2557-2559 ที่ประมาณ 10,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่บริษัทมีภาระที่จะต้องชำระคืนเงินกู้ในช่วงปี 2557-2559 ประมาณ 1,140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นชำระคืนในปี 2557 จำนวน 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2558 จำนวน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไม่มีภาระการชำระคืนเงินกู้ในปี 2559 โดยจากสมมติฐานดังกล่าวคาดว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนเงินกู้รวม (ปรับปรุงแล้ว) ต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 30% ในช่วงปี 2557-2559


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ