"ปัจจุบันความต้องการใช้ยางสังเคราะห์เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า ประกอบกับความต้องการในตลาดโลกยังน้อยกว่าความต้องขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 1/57 ที่ผ่านมาบริษัทมีผลขาดทุนจากสต๊อกประมาณ 900 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทได้บริหารการผลิตและระบบการจัดซื้อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อไม่ให้มีผลขาดทุนจากสต๊อกอีก"นายวีรสิทธิ์ กล่าว
ส่วนอัตรากำไรสุทธิปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าที่จะรักษาให้อยู่ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 2 % จากไตรมาส 1/57 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.8 %
"ปีนี้เรามองว่ากำไรคงจะต่ำกว่าปีก่อน แต่ก็อาจจะทรงตัวจากปีก่อนได้เช่นกัน เพราะปัจจบันถึงแม้ความต้องการยางจะเพิ่มสูงขึ้นแต่ความต้องการขายที่ยังมากกว่า รวมถึงยางสังเคราะห์ที่มีราคาต่ำกว่านั้น ทำให้ราคายางในตลาดโลกยังอยู่ในช่วงขาลง แต่เราก็จะพยายามหาวิธีในการบริหารจัดการด้านต่างๆเพื่อให้กำไรสุทธิของบริษัทฯปรับตัวลดลงน้อยที่สุด"นายวีรสิทธิ์ กล่าว
สำหรับแผนงานที่บริษัทตั้งงบลงทนปีนี้ไว้ 3,650 ล้านบาทจะใช้เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตราว 1.9 พันล้านบาท การเพิ่มพื้นที่ปลูกยางพารา 1.1 พันล้านบาท คาดเว่าจะเพิ่มพื้นที่ได้อีกประมาณ 5 หมื่นไร่ จากปัจจุบันมีพื้นที่พร้อมปลูกยางแล้วราว 4.7 หมื่นไร่ และเงินลงทุนอีก 650 ล้านบาทจะใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
นายวีรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า กำไรในไตรมาส 2/57 มีแนวโน้มที่จะทรงตัวจากไตรมาส 1/57 เนื่องจากคาดว่าราคายางจะยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก และในส่วนของปริมาณขายก็คงจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/57 ที่มีปริมาณการขายราว 3.08 แสนตัน หรือคิดเป็นยอดขายราว 2.2 หมื่นล้านบาท