ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 410,760 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 2, 2014 17:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (26 - 30 พฤษภาคม 2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม410,760 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 82,152 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 2% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 66% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 269,286 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 97,428 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 4,381 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 5.0 ปี) LB21DA (อายุ 7.6 ปี) และ LB176A (อายุ 3.0 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 28,062 ล้านบาท 25,091 ล้านบาท และ 18,294 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14617A (อายุ 14 วัน)CB14610A (อายุ 14 วัน) และ CB14828B (อายุ 91 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 28,695 ล้านบาท 22,305 ล้านบาท และ 19,265 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รุ่น TOP173A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 616 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) รุ่น CPF185A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 363 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) รุ่น MINT155A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 201 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงประมาณ +3 ถึง +17 Basis Point ตามทิศทางของเงินทุนต่างชาติที่ไหลออกจากตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตราสารหนี้อายุมากกว่า 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนปรับลดการลงทุนในประเทศไทยหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารทางการเมืองโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) และเป็นผลให้ราคาตราสารหนี้ปรับตัวลดลง (Yield เพิ่มขึ้น) อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายมองว่าการเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารทางการเมืองของ คสช. น่าจะนำไปสู่ทางออกของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาส 2 ปี 57 จะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หลังจากที่หดตัวในไตรมาสแรก และ GDP ทั้งปีจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 2% โดย สศค. จะปรับประมาณการเศรษฐกิจในเดือนหน้าและคาดว่าจะเป็นตัวเลขที่มีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนยังคงต้องติดตามการทำงานของทีมที่ปรึกษา คสช. โดยเฉพาะทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจเนื่องจากจะมีผลต่อการฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในระยะเวลาถัดไป

นักลงทุนต่างชาติมียอด ขายสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 11,662 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 8,969 ล้านบาท และ ขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น(อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 2,693 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อสุทธิ 109 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ