สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 79,771 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 38,572 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 48.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 22,693 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 28.4% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,030 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB27DA (รุ่นอายุ 5.0 ปี, 3.0 ปี และ 13.5 ปี ตามลำดับ)โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,060 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)(IRPC147A)มูลค่า 511.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)(KK174B)มูลค่า 313.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)(LH174A)มูลค่า 141.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 966.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,443 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,588 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -878 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.03% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.12% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลง ในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. พันธบัตรระยะสั้นที่ประมูลวันนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 2.16 เท่า ของวงเงินประมูล ด้านนักลงทุนยังคงติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับแผนพัฒนาด้านเศรษฐกิจของ คสช. และการเตรียมจัดตั้ง ครม.รักษาการรวมทั้งการจัดให้มีการเลือกตั้งในระยะเวลาที่เหมาะสม สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ(NET SELL)เท่ากับ 878 ล้านบาท