ขณะเดียวกัน แนะให้จับตาปัจจัยที่จะเข้ามาเป็นตัวแปรหลักที่สำคัญของราคาทองคำ อาทิ การรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ ในขณะที่จีนจะรายงานตัวเลขดัชนีภาคบริการ ประเทศในกลุ่มยูโรโซนจะรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิต และสหรัฐจะรายงานตัวเลขยอดจ้างงานภาคเอกชน รวมทั้งยอดดุลการค้า และดัชนีภาคบริการ นอกจานี้ ทาง Beige Book จะมีการสรุปตัวเลขเศรษฐกิจ และรายงานการประชุมธนาคารกลางยูโรโซน รวมทั้งยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐ และการแจ้งยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ และอัตราว่างงานสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา (26 -30 พ.ค.57) จะปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน ประมาณ 42.57 เหรียญต่อทอยออนซ์ หรือคิด เป็น 3.30% มาซื้อขายที่ระดับ 1,247 เหรียญต่อทอยออนซ์ โดยมีจุดต่ำสุดที่ 1,242.10 เหรียญต่อทอยออนซ์ และมีจุดสูงสุดที่ 1,308 เหรียญต่อทอยออนซ์
ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาทองคำปรับตัวลงตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากสหรัฐเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งโดยคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น แตะระดับ 83 จากระดับ 81.7 ในเดือนเม.ย. เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนหรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย.สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าปรับตัวลง 0.7% โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนถือเป็นมาตรวัดแผนการใช้จ่ายด้านทุนของภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ รัสเซียได้ถอนกองกำลังทหารออกจากชายแดนที่อยู่ติดกับยูเครนแล้ว ในขณะที่กองทัพยูเครนยังคงเดินหน้าปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนออกจากพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2557 โดยระบุว่า จีดีพีหดตัว 1% ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 ปี และเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2554 เนื่องจากภาคเอกชนปรับลดสต็อกสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ อากาศที่หนาวเย็นจัดยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทีส่งผลกระทบต่อการลงทุนยังเป็นตัวหนุนให้ราคาทองคำเริ่มสร้างฐานได้
“ราคาทองคำปรับลงหลุดแนวรับหลังจากแกว่งตัวอยู่บริเวณ 1,268-1,308 เหรียญมานานเกือบ 3 สัปดาห์ จากปัจจัยที่นักเก็งกำไรหันเข้าไปซื้อดอลลาร์และขายยูโรออก เนื่องจากตลาดมีการคาดการณ์ว่าต้นสัปดาห์นี้ทางธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาเงินฝืดและมีแนวโน้มที่อาจทำให้ยูโรอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับลงจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น นอกจากที่ตลาดต้องลุ้นว่าทาง ECB จะออกมาตรการกระตุ้นใดๆ ในช่วงต้นสัปดาห์นี้แล้ว ตลาดยังต้องลุ้นตัวเลขเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ในช่วงวันศุกร์ที่จะถึง อย่างตัวเลขว่างงานสหรัฐและตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเช่นกัน สัปดาห์นี้ ราคาทองคำจะมีความผันผวนมากเป็นพิเศษในสัปดาห์นี้ " นายโสฬส กล่าว
หากดูสถานะบรรดากองทุน Hedge Fund สัปดาห์ก่อนหน้านี้ในตลาดล่วงหน้าทองคำ Comex ก็เริ่มลดสถานะที่เคยถือ Long Futures ไว้ลง แถมกลับเป็นสถานะ Short แล้ว ขณะที่ในตลาด Silver Futures ก็บ่งบอกถึงเทรดเดอร์ก็ให้น้ำหนักว่าโลหะมีค่าในระยะสั้น จะได้รับผลกระทบเชิงลบจากนโยบายที่ ECB จะออกมาในอนาคตอันใกล้
“สำหรับคนที่เก็งกำไรทองคำในบ้านเรา แม้แนวโน้มค่าเงินบาทจะอ่อนและหนุนให้ราคาทองคำในบ้านเราน่าจะได้อานิสงค์จากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ทิศทางของราคาทองคำโลกเป็นขาลงในระยะสั้น จึงทำให้ราคาทองคำบ้านเราจะยังคงค่อยๆซึมลงอยู่ดี ส่วนปัจจัยทางฝั่งรัสเซีย และยูเครน ที่หนุนทองคำปรับขึ้นเร็วก่อนหน้านี้ก็ดูเบาบางลง หลังมีข่าวรัสเซียจะถอนทหาร และหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทำให้ราคาทองคำขาดปัจจัยบวกจากส่วนนี้ไปเช่นกัน"นายโสฬส กล่าว