นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ GCAP เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 15-20% จากปีก่อน และคาดว่ากำไรจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับรายได้ โดยเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังรายได้จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกหลังจากสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในโครงการจำนำข้าวที่ได้เริ่มจ่ายเงินจำนำข้าวตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นปี 57 แตะ 1 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 56 มีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 891 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 3/57 นี้บริษัทจะออกสินเชื่อรูปแบบใหม่ คือ การปล่อยสินเชื่อให้เครื่องมือการเกษตรมือสอง เป็นรายแรกในประเทศไทย ซึ่งจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อปกติราว 0.25%
"จากในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว รวมถึงลูกค้าบางกลุ่มที่รอรับเงินจากชาวนา แต่เรามั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้น จากที่ คสช.เข้ามาดำเนินการจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนา ทำให้สถานการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลาย จึงทำให้เริ่มเห็นเม็ดเงินจากการชำระเงินของลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามามากขึ้นแล้ว รวมถึงในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ ประกอบกับบริษัทฯได้ออกแคมเปญใหม่เพื่อกระตุ้นยอดสินเชื่อให้เพิ่มขึ้น จะช่วยให้สินเชื่อคงค้างปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้"นายสันติ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าลด NPL ให้เหลือ 6% ใกล้เคียงกับช่วงสิ้นปี 56 จากปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7% ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีเนื่องจากภาครัฐไม่สามารถจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนา แต่ปัจจุบัน คสช.เข้ามาดำเนินการจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนาก็จะทำให้ผู้ลูกค้าได้รับเงินจากชาวนาแล้วมาชำระหนี้ให้แก่บริษัทส่งผลให้แนวโน้ม NPL ปรับตัวลดลง