"มองว่าครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น จากที่มีการรับรู้ Backlog จากการเมืองที่ คสช.จะอนุมัติงบต่างๆออกมา ทำให้งานภาครัฐและเอกชนมีการขยายตัวมากขึ้น มองว่าเป้าหมายรายได้ก็มีลุ้นเกินเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งจะมีการทบทวนอีกครั้งในไตรมาส 3 สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2 มองว่าก็มีลูกค้าบางส่วนเลื่อนงานออกไป และยังได้รับผลกระทบจากการเมืองเล็กน้อย แต่ไม่มีนัยสำคัญ"นายบดินทร์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(Backlog)ราว 950 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 90% และบริษัทได้เข้าไปประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีงานที่อยู่ระหว่างการประมูล เป็นงานรากฐานมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท คาดว่ามีโอกาสชนะประมาณ 20-30% และงานก่อสร้างเพิ่มเติมอีกมูลค่า 500 ล้านบาท คาดมีโอกาสได้งานราว 20%
นอกจากนั้น บริษัทจะยื่นซองประมูลวงานขนาดใหญ่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งเป็นงานเสาเข็มเจาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และจะมีการประมูลเข้าร่วมโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 โดยคาดว่างานภาครัฐหลังมีการประมูลเสร็จสิ้นและน่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี 58
"ในครึ่งปีหลังงานฐานราก เสาเข็มเจาะ มีการปรับตัวดีขึ้น หลังจากมีการทำรัฐประหาร ส่งผลสถานการณ์โดยรวมเริ่มคลี่คลาย ทั้งงานภาครัฐ และภาคเอกชน สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ทำให้งานโครงการเกิดขึ้นมาก และจะส่งผลให้ Net Profit Margin ดีขึ้น"นายบดินทร์ กล่าว
ส่วนงบลงทุน ปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ 50 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 15 ล้านบาท ซึ่งใช้ในการซื้อเครื่องจักรบางส่วน และใช้ปรับปรุงเครื่องจักร