หลังจากการเมืองไทยเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นและมีความหวังมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องจับตามองต่อจากนี้คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด และจะได้ผลตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ เพราะปัจจุบันราคาหุ้นไทยยังคงขับเคลื่อนด้วยความคาดหวังไปรอปัจจัยพื้นฐาน หากว่ามาตรการต่างๆ สำเร็จ ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในระยาว โดย บลจ.ธนชาต คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป และไม่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นในเร็วๆ นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อไป
กองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนเงินฝาก Bank of China / China Construction Bank (Asia) สัดส่วน 20.00% เงินฝาก PT Bank CIMB Niaka Tbk (Indonesia) / PT Bank International Indonesia Tbk สัดส่วน 20.00% ตราสารหนี้ที่ออกโดย ธ.ทิสโก้ / บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส สัดส่วน 20.00% หุ้นกู้ระยะสั้น ของ บจ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) / บจ. ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) สัดส่วน 20.00% ตั๋วแลกเงิน ของ บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง / หุ้นกู้ระยะสั้นของ บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง สัดส่วน 20.00% โดยประมาณค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 0.1100%
ทั้งนี้ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 6M63 จะเข้าไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนหรือภาครัฐ หรือหุ้นกู้สกุลเงินตราต่างประเทศที่เสนอขายในประเทศไทย (FX bond) หรือเงินฝาก โดยสามารถลงทุนได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนที่มีอายุใกล้เคียงกับอายุโครงการจัดการกองทุน และอันดับความน่าเชื่อถือที่ต่ำสุดที่กองทุนรวมจะสามารถลงทุนได้คือ อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade)
กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ต่างประเทศที่กองทุนลงทุน ดังนั้น จึงอาจมีความเสี่ยงที่คู่สัญญาธุรกรรมการป้องกันความเสี่ยงอาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันหรือสัญญาดังกล่าวได้กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging)