ขณะที่รายได้ในปีนี้ยังเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.2 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ราว 1 พันล้านบาท แต่อัตรากำไรอาจจะต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 10-13% เนื่องจากโรงงาน PPP ที่สุโขทัยมีปัญหาเรื่องการจัดส่งวัตถุดิบจากแหล่งปิโตรเลียม ซึ่งมีผลกระทบต่อการผลิต
นายกิตติ กล่าวว่า กำไรของบริษัทในปีนี้อาจถูกกระทบจากโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม(PPP) จ.สุโขทัย ที่มีปัญหาทางเทคนิค หลังจากผู้ผลิตในแหล่งปิโตรเลียมที่ใช้เป็นวัตถุดิบป้อนวัตถุดิบได้ไม่เต็มที่ จึงดึงให้อัตรากำไรสุทธิปีนี้อาจจะต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 10-13% โดยไตรมาส 1/57 มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.2% อย่างไรตาม อัตรากำไรสุทธิก็จะค่อยๆ ดีขึ้นตามการการบริหารจัดการของโครงการ
"ปีนี้อาจต้องมีการปรับประมาณการกำไรเพราะโรงงานที่สุโขทัยที่เริ่มโ operate มีปัญหาเรื่องเทคนิคของผู้ผลิตที่เอาฟีทมาจากบ่อน้ำมันตอนนี้ฟีทมีปัญหาการผลิตไม่เต็มที่ plant ก็เดินลำบากขึ้นๆ ลงๆ ยังตอบไม่ได้ว่าจะแก้ปัญหาเสร็จเมื่อไร ถ้าแก้ปัญหาเดือนนี้จบก็คงจะกลับมาใกล้เคียงกับแผน แต่คิดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้อาจจะตกลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่ 10-13%"นายกิตติ กล่าว
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังมาจากธุรกิจเทรดดิ้ง ขณะที่ธุรกิจพลังงานทางเลือกมีสัดส่วนรายได้ 15-20% ของรายได้รวม แต่ปี 58 คาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานทางเลือกจะเพิ่มเป็น 50% โดยบริษัทยังเดินหน้าก่อสร้างโรงผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูง (CBG) ให้ครบ 20 แห่งตามแผนในปี 58 นอกจากนี้ คาดว่าจะสรุปดีล M&A ธุรกิจพลังงานทางเลือกเพิ่มอีก 1 ดีล มูลค่า 500-1,000 ล้านบาท ในไตรมาส 3/57 นี้ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที เพราะเป็นโครงการที่แล้วเสร็จและมีกระแสเงินสดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี