บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน โดยมองว่ารายได้ในช่วงครึ่งปีแรกจะใกล้เคียงกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ 2.1-2.2 พันล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การเมืองยังยืดเยื้อตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่บริษัทฯได้มีการเพิ่มยอดขายต่างประเทศมากขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ราว 10% แต่ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นไปเป็น 15% ทำให้บริษัทฯยังรักษาระดับยอดขายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน
"เรามองว่ารายได้ปีนี้จะยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย เพราะหลังจาก คสช.ออกมาช่วยเร่งแผนการเบิกจ่ายงบประมาณ จะช่วยมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังให้มีการเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก จะส่งผลต่อยอดขายของบริษัทฯให้มีการเติบโตไปด้วย ส่วนครึ่งปีแรกเรายังรักษาระดับรายได้ให้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะเราเข้าไปเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากส่งออกมากขึ้น" นายสาธิต กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯ คงเป้าที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 25-27% ตามแผนการดำเนินงานระยะยาวที่ตั้งไว้ 5 ปี (56-60) จากไตรมาส 1/57 ที่ผ่านมาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ราว 26% แต่ต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ราว 30% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวและผู้บริโภคหันไปใช้สินค้าที่มีราคาถูกลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงไปด้วย
"อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เรายังคงเป้าหมายที่จะรักษาให้เป็นไปตามแผนงานระยะยาว แต่ต่ำกว่าปีก่อนเพราะปีนี้เศรษฐกิจชะลอตัวลงทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าที่มีราคาต่ำมากขึ้น แต่ก็มีโอกาสที่อัตรากำไรจะกลับมาที่ 30% ได้หากสถานการณ์โดยรวมในครึ่งปีหลังเป็นไปตามที่คาดไว้"นายสาธิต กล่าว
ส่วนงบลงทุนปีนี้บริษัทฯตั้งไว้ที่ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ซึ่งในปีนี้จะยังไม่มีการลงทุนใหญ่ๆ แต่หากสถานการณ์ต่างๆดีขึ้นมากในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯอาจจะมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อที่จะรองรับการเติบโตในปี 58
"หากสถานการณ์ต่างๆดีขึ้นมาก เราก็อาจจะมีแผนการลงทุนเพิ่ม เพื่อที่จะรองรับการเติบโตของตลาดในปี 58 ซึ่งเรามองว่าหาก คสช.มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจได้ตามแผน ในปี 58 คงจะมีการเติบโตอีกมาก เราจึงอาจจะมีการพิจารณาเพื่อลงทุนเพิ่มเติม"นายสาธิต กล่าว