สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจรับเหมาขุดเจาะในแนวราบเพื่อวางท่อใต้ดิน (Horizontal Directional Drilling :HDD) ขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน อาทิ พม่า กัมพูชา เวียดนาม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อ LIVE ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ STREGA มีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) 100 บาท/หุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1.5 ล้านหุ้น ซึ่งบริษัทจะดำเนินการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเปลี่ยนแปลงราคาพาร์เป็น 0.25 บาท/หุ้น ภายหลังจากการเปลี่ยนมูลค่าหุ้นแล้วจะมีหุ้นสามัญ 600 ล้านหุ้น
จากนั้นบริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 150 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 800 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.25 บาท/หุ้น โดยทำการเพิ่มทุนอีกรวมทั้งสิ้น 50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้นที่จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ซึ่งภายหลังจากการเสนอขายสัดส่วนการถือหุ้นของ LIVE ในบริษัท สเตรกา จำกัด จะลดลงจากร้อยละ 40 เหลือร้อยละ30 ของทุนจดทะเบียน
สำหรับแผนการดำเนินงานของ LIVE ในช่วงครึ่งหลังปี 57 บริษัทมีแผนขยายธุรกิจในลักษณะของ Holding Company อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่มีความโดดเด่น มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และมีโอกาสในการเติบโตที่ดี ซึ่งในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา LIVE ได้เข้าร่วมลงทุนใน บริษัท สกินิก กรุ๊ป จำกัด (SKENIQUE) โดยซื้อหุ้นสามัญจำนวน 3,000 หุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม หรือ คิดเป็นร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว โดยคิดเป็นจำนวนเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 14.5 ล้านบาท
“ธุรกิจเสริมความงามยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งจากความต้องการของตลาดในประเทศที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับกำลังซื้อที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการเปิด AEC จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทมีความสนใจลงทุน การลงทุนใน สกินิก เป็นการลงทุนจำนวนไม่มาก ขณะที่บริษัทมีศักยภาพในการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด จากการที่เป็นธุรกิจใหม่ ผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญ มีการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมา สกินิก มีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 18.65% และธุรกิจสาขาแรกคืนทุนภายใน 1 ปี ที่เริ่มการดำเนินงาน ซึ่งจะส่งผลให้ LIVE มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต"
ส่วนเป้าหมายผลการดำเนินงานของ LIVE ในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 10-15% ถึงแม้ในช่วงไตรมาส 1/57 รายได้จะมีการชะลอตัวลง แต่ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ในด้านการบริหารจัดการเพื่อควบคุมต้นทุนในการดำเนินงาน ประกอบกับในปัจจุบันธุรกิจทีวีดิจิตอลเริ่มมีการออกอากาศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัทในการให้บริการด้านการผลิต และให้เช่าสตูดิโอกับผู้ประกอบการทีวีรายใหม่ๆ ขณะที่การลงทุนสร้างสำนักงานและสตูดิโอใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินงานในช่วงเดือน ส.ค.นี้