(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้น-แกว่งไซต์เวย์ หลัง ECB ลดดบ.,ต่างชาติยังซื้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 6, 2014 09:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นได้ และอาจจะแกว่งไซต์เวย์ก็ได้ เนื่องจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ขึ้นทำ New High หลังจากที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)เมื่อวานนี้ได้มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็น่าจะทำให้มีเงินไหลออกจากยุโรปมากขึ้น ส่วนจะเข้าตลาดฯได้มากแค่ไหนก็ต้องรอดู

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราได้พักตัว 2 วันที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเป็นการพักตัวแคบ ๆ และนักลงทุนต่างชาติได้ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนในประเทศขายทำกำไรออกมาบ้าง ดังนั้นตลาดฯจึงยังมีโมเมนตัมที่จะขึ้น ทั้งนี้ตลาดบ้านเรายังให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศมากกว่า เพียงแต่ตอนนี้ปัจจัยนอกประเทศไม่ได้กดดัน

พร้อมให้แนวรับ 1,442 จุด ส่วนแนวต้าน 1,458-1,475 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(5 มิ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,836.11 จุด เพิ่มขึ้น 98.58 จุด (+0.59%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,940.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.58 จุด(+0.65%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,296.23 จุด เพิ่มขึ้น 44.59 จุด (+1.05%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 59.38 จุด หรือ +0.39% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 121.66 จุด หรือ +0.53% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 27.11 จุด หรือ +0.30% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.54 จุด หรือ +0.17% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.61 จุด หรือ +0.09% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.02 จุด หรือ 0.00% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ไม่เปลี่ยนแปลง
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(5 มิ.ย.) ที่ 1,453.16 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด(+0.26%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,379.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(5 มิ.ย.)ที่ 102.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 16 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(5 มิ.ย.)ที่ 4.87 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.63/65 แข็งค่าตามภูมิภาค
  • พาณิชย์ขานรับคสช.เรียกผู้ผลิตสินค้า 250 รายการหารือวันนี้ ตรึงราคาสินค้าจำเป็น 6 เดือน พร้อมจัดเร่งมหกรรมธงฟ้า ด้านเอกชนพร้อมร่วมมือ ยันไม่ปรับราคา ขณะคสช.สั่งเกษตรฯตั้งศูนย์เมล็ดพันธุ์ทุกจังหวัด ช่วยเกษตรกรลดต้นทุนผลิต
  • อีซีบีลดดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์กำหนดดอกเบี้ยติดลบสำหรับเงินฝากข้ามคืน หวังกระตุ้นธนาคารปล่อยกู้มากขึ้น ป้องกันเงินฝืดซ้ำรอยญี่ปุ่น พร้อมจัดทำมาตรการเพิ่มสภาพคล่องภาคธนาคาร
  • บอร์ดกองทุนฯ เห็นชอบแจกคูปองทีวีดิจิทัลมูลค่า 1,000 รวม 25 ล้านครัวเรือน จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท แลกซื้อ 4 อุปกรณ์ ชง กสทช.พิจารณาขั้นตอนประชาพิจารณ์หรือไม่ 13 มิ.ย.นี้ ด้านผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล จี้เร่งกระบวนการแจกคูปองทั่วประเทศ ชี้ล่าช้าแบกต้นทุนอ่วม-เสียโอกาสหารายได้ กระทบธุรกิจเสียหายเดือนละ 2.5 พันล้าน
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีระบุภาพโรดแมปเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนขึ้นถือเป็นปัจจัยบวก แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากราบรื่นจีดีพีอาจขยายตัวกว่า 2.5%
  • นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับแผนโรดแมป 4 ด้านของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)โดยเฉพาะการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ซึ่งการจะปฏิรูปและเริ่มปูทางถึงการปรับโครงสร้างในระยะต่อไปนั้นจะต้องปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 7% แม้ว่าจะยังไม่สามารถทำได้ทันทีในขณะนี้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังซบเซาอยู่ก็ตาม

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SF(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6.50 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงกว่า 50% จากจุดสูงสุดเมื่อปีที่แล้วสะท้อนความผิดหวังความล่าช้าของการเปิดโครงการขนาดใหญ่แล้ว ในขณะที่เราคาดว่าผลประกอบการปกติปี 2557 จะเติบโตได้จากปีก่อน 15% เนื่องจากบริษัทได้ลูกค้าใหม่รายใหญ่เข้ามา 2 รายทำให้อัตราการใช้พื้นที่สูงขึ้น และช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าคาดว่าจะมีการเปิดโครงการใหม่ร่วมกับ LPN ทำให้หุ้น SF กลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง
  • SAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 27.50 บาท การแจกคูปองทีวีดิจิตอลครัวเรือนละ 1,000 บาทของ กสทช. ถือเป็นปัจจัยบวกต่อการเพิ่ม Upside จากประมาณการ SAMART ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลรายใหญ่ในตลาด ประเมินอิงสมมติฐานยอดขายกล่องปีนี้ราว 8 แสนกล่อง คาดว่า SAMART จะมีกำไรส่วนเพิ่มประมาณ 60-80 ล้านบาทจากประมาณการปีนี้ และมีมูลค่าเพิ่มต่อหุ้นราว 0.06-0.08 บาท
  • KTB(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 23 บาท คาดจะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่าย&ลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานของรัฐบาล เนื่องจากมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อในโครงการรัฐสูงกว่าธนาคารอื่นๆ ผลประกอบการปี 58 จึงมีโอกาสดีกว่าที่ประมาณการไว้(+11%)แต่ในปี 57 คาดกำไรสุทธิไม่น่าจะต่างจากที่ประเมิน (โดยมีสมมติฐานหลักของปี 57 คือ สินเชื่อ +4.2%, รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย +10%) แต่ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวมีโอกาสเกิด Positive Upside มากขึ้นในสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากคสช.เข้ามาบริหารประเทศ ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E และ P/BV ปี 57 ต่ำเพียง 8 เท่า และ 1.2 เท่า ตามลำดับ ด้าน Dividend Yield ก็อยู่ในเกณฑ์สูงที่ประมาณ 5% สำหรับปี 57
  • JAS (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)แนวโน้ม IFF ล่าช้าต่อไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน เนื่องจากอยู่ระหว่างแก้ไขโครงสร้างกองทุน ทำให้อาจต้องมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้งหากโครงสร้างใหม่แล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามยังไม่ได้รวมผลของกองทุนไว้ในประมาณการ การเลื่อน หรือ ยกเลิกไปจะไม่กระทบประมาณการ โดยคาดกำไรปกติปีนี้เติบโต 18% YoY อ้างอิงวิธี DCF ได้ราคาเป้าหมายที่ 10.20 บาท มี Upside gain 24% จึงแนะนำ"ซื้อ"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ