โบรกฯเชียร์"ซื้อ"STEC ได้ประโยชน์ศก.เดินหน้า, เล็งกำไรปีนี้ทำ New High

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 6, 2014 10:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC)ได้รับประโยชน์จากการเดินหน้าเศรษฐกิจของคสช. เล็งโครงการขนาดใหญ่อย่างรถไฟรางคู่, รถไฟความเร็วสูง, รถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นต้น หนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาเก็งกำไรจนราคาวิ่งกระฉูดตอบรับข่าวไปเรียบร้อย

แต่โบรกฯยังคงเชียร์ด้วยเหตุเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี ประวัติการทำงานที่ผ่านมาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน, มีงานในมือ(Backlog)มากถึง 51,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้ไปได้อีก 2 ปีข้างหน้า และงานที่มีอยู่ในมือก็มีคุณภาพในการทำกำไรได้ดี เรียกได้ว่าทำแล้วมีกำไร และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานได้นิ่ง นอกจากนี้ ฐานะการเงินของ STEC ก็แข็งแกร่ง เป็นบริษัทฯที่ไม่มีหนี้ โดยในไตรมาส 1/57 มีเงินสดสุทธิ 8,000 ล้านบาท ตรงนี้ทำให้ STEC มีอำนาจการต่อรองที่ดี และยังสามารถนำไปลงทุนต่อให้เกิดดอกผลได้ และยังสามารถขยายงานต่อได้ในอนาคต โดยไม่ต้องห่วงเรื่องการเพิ่มทุน

พร้อมคาดการณ์กำไรปกติจากการดำเนินงานในปีนี้(2557)จะขึ้นทำ New High ได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว(2556) โดยปีนี้(2557)คาดว่าจะมีกำไรสุทธิจะอยู่ในช่วง 1,512-1,592 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว(2556)ที่มีกำไรสุทธิ 1,733 ล้านบาท เนื่องจากปีที่แล้ว STEC มีการรับรู้กำไรพิเศษเกือบ 300 ล้านบาท แต่หากเทียบกับกำไรปกติจากการดำเนินงานในปี 2556 ที่มี 1,439 ล้านบาท ก็เท่ากับว่าปีนี้(2557)กำไรจะเติบโต 5-6% จากปีที่แล้ว

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ   ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ไอร่า              ซื้อ           27.30
          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง     ซื้อเก็งกำไร    25.00
          บล.ทิสโก้              ซื้อ           23.00
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส     ซื้อ           21.20(อยู่ระหว่างการทบทวนประมาณ)
          บล.เคเคเทรด          ซื้อ           21.50
          บล.ทรีนีตี้              ซื้อ           23.80
          บล.ธนชาต             ซื้อ           22.00
          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง     ซื้อ           21.00
          บล.กรุงศรี             ซื้อ           22.00
          บล.เอเชีย พลัส         ซื้อ           18.93

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้กำลังจะมีการทบทวนประมาณการของ STEC ใหม่ เนื่องจากระดับราคาหุ้นได้ขึ้นมาสูงกว่าราคาพื้นฐานที่ให้ไว้ที่ 21.20 บาท/หุ้นแล้ว ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา หลังจากที่คสช.ได้มีการออก Road Map ในการเดินหน้าเศรษฐกิจต่อไป แต่ทั้งนี้ คงจะต้องดูในแง่รูปธรรมว่าจะทำได้สำเร็จหรือเปล่าด้วย อย่างเรื่องของรถไฟรางคู่, รถไฟความเร็วสูง เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ก็ชอบหุ้น STEC มากที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากมองเป็นหุ้นพื้นฐานดี มีงานในมือ(Backlog)มากถึง 51,000 ล้านบาท สามารถรับรู้ไปได้อีก 2 ปีข้างหน้า และงานที่มีอยู่ในมืองก็มมีคุณภาพในการทำกำไรได้ดี เรียกได้ว่าทำแล้วมีกำไร นอกจากนี้ ฐานะการเงินก็แข็งแกร่ง ประเมินเงินสดสุทธิคิดเป็น 5.6 บาท/หุ้น

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 57 ของ STEC ไว้ที่ 1,592 ล้านบาท ลดลงจากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 1,733 ล้านบาท เนื่องจากปีที่แล้ว STEC มีการรับรู้กำไรพิเศษ แต่หากเทียบกับกำไรปกติที่มีประมาณ 1,500 ล้านบาท ก็เท่ากับว่าปีนี้กำไรจะเติบโต 6% ส่วนปีหน้ากำไรสุทธิคาด 1,775 ล้านบาท เติบโต 12% จากปี 57

ด้านนายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า แนะนำ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น STEC หลังจากที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับมา หลังจากที่มี Road Map ในการเดินหน้าเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี กำไรปีนี้ของ STEC คาดว่าจะขึ้นทำ New High ได้ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 57 จะอยู่ที่ 1,512 ล้านบาท ลดลงจากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 1,733 ล้านบาท แต่เนื่องจากปีที่แล้วมีรายการพิเศษ แต่หากมองที่กำไรปกติในปี 56 ที่มี 1,439 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าปีนี้กำไรจะเติบโต 5%

นอกจากนี้ STEC ถือว่าเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ไม่มีหนี้สินและงานในมือ(Backlog)เป็นงานคุณภาพที่มีกำไรดี เพียงแต่ช่วงนี้ราคาหุ้นอาจจะความผันผวนอยู่บ้างจึงต้องระวังเล็กน้อยในการเล่น

ส่วนนายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ให้เหตุผลว่า ตอนนี้ราคาหุ้น STEC ได้ปรับขึ้นมาเกินราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ 18.93 บาท/หุ้น แล้ว จากกระแสเรื่องที่คสช.เดินหน้าโครงการต่าง ๆ ทั้งรถไฟรางคู่, รถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นต้น ทำให้เกิดการเก็งกำไรขึ้น และปัจจุบันก็เทรด P/E ที่ไม่ถูกแล้วถึง 22 เท่า ดังนั้นตอนนี้ใครที่มีต้นทุนต่ำก็อาจจะขายทำกำไรบางส่วนได้

เนื่องจากมองว่างานใหญ่ที่จะเข้ามา กว่าจะรู้ผลการประมูลก็ต้องใช้เวลา และกว่าจะรับรู้ได้ก็ใช้เวลาต่อไปอีก เชื่อว่าปีนี้คงจะไม่มีการรับรู้แน่ อย่างเร็วก็น่าจะรับรู้ได้กลางปีหน้า(2558) ดังนั้นประมาณการกำไรที่ทำไว้ในปีนี้จึงยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

แต่ทางฝ่ายวิจัยก็เห็นว่า STEC ยังคงเป็นหุ้นที่น่าลงทุน เนื่องจากมีประวัติการทำงานที่ผ่านมาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน, มีการทำกำไรที่มีเสถียรภาพ กำไรไม่เหวี่ยงไป-มา และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานได้นิ่ง รวมถึงมีเงินสดสุทธิมาก โดยในไตรมาส 1/57 มีเงินสดสุทธิ 8,000 ล้านบาท ตรงนี้ทำให้ STEC มีอำนาจการต่อรองที่ดีกับผู้รับช่วง หรือการซื้อวัสดุการก่อสร้าง เป็นต้น และการมีเงินสดมากทำให้สามารถนำไปลงทุนต่อให้เกิดดอกผลได้ และยังสามารถขยายงานต่อได้ในอนาคต โดยไม่ต้องห่วงเรื่องการเพิ่มทุน

อย่างไรก็ดี กำไรจากการดำเนินงานปกติของ STEC ปีนี้น่าจะทำ New High ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 57 จะมีกำไรสุทธิ 1,573 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิของปี 56 เนื่องจากปีที่แล้วมีรายการพิเศษเกือบ 300 ล้านบาท และหากมองที่กำไรปกติจากการดำเนินงานของปี 56 ที่มี 1,439 ล้านบาท จะเห็นได้ว่ากำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ