นายรณสิทธิ ภุมมา รักษาการกรรมการผู้จัดการ PICNI เปิดเผยว่า หลังควบรวมกิจการกับ WG แล้ว จะทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ และหาคณะผู้บริหารชุดใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมการบริษัท แต่ยังไม่มีข้อสรุป
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะนำหุ้นบริษัทใหม่กลับมาเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้งราวเดือน มี.ค.58 หรือภายในไตรมาส 1/58 หลังการควบรวมของ 2 บริษัท บริษัทใหม่ยังคงดำเนินธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นหลัก โดยคาดว่าบริษัทใหม่จะมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวในพื้นที่กทม.และปริมณฑล และเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจาก PTT ซึ่งจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 22.2% เนื่องจาก ณ สิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ WG มีส่วนแบ่งการตลาด 15-16% และ PICNI มี 7%
อีกทั้งบริษัทใหม่จะมีผลประกอบการเป็นกำไรทันที เพราะ PICNI ปรับโครงสร้างหนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะเห็นกำไรจากการดำเนินงานของ PICNI ตั้งแต่ไตรมาส 1/57 ซึ่งหากสามารถทำกำไรติดต่อ 4 ไตรมาส ก็จะสามารถยื่นขอกลับเข้าเทรดได้ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงไตรมาส 1/58
นายรณสิทธิ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้ยอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลวจะเติบโต 10% จากปีก่อนที่ 4,900 ล้านบาท ตามความต้องการก๊าซ LPG ทั้งภาคหุงต้มและภาคขนส่ง ซึ่งการควบรวมกิจการเป็นบริษัทใหม่จะเกิดผลดีหลายด้าน เช่น การใช้ประโยชน์คลังก๊าซของทั้ง 2 บริษัทร่วมกัน เครือข่ายการจำหน่ายและการขนส่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
ปัจจุบัน PICNI มีคลังเก็บก๊าซที่ อ.บางจะเกร็ง จ.สมุทรสงคราม และ WG มีคลังที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ดังนั้น บริษัทใหม่จะสามารถใช้คลังร่วมกันได้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่การจำหน่ายในกทม. ปริมณฑล ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก ลูกค้าของท้งสองบริษัทที่เป็นสถานีบริการก๊าซสามารถมารับก๊าซได้สะดวกขึ้น ทำให้บริษัทใหม่ลดต้นทุนค่าขนส่งลงได้ รวมทั้งหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะลูกค้าสถานีบริการบริเวณภาคใต้ตอนบน
"ตอนนี้มองเรื่องการควบรวมกิจการให้เสร็จเรียบร้อย ยังไม่มีแผนลดทุน-เพิ่มทุน ส่วนงบฯไตรมาส 1/57 จะพยายามทำให้เร็วที่สุด ตอนนี้ PICNI ไม่มีหนี้แล้ว ผลประกอบการของบริษัทก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ มีกำไรจากการดำเนินงาน คาดว่าหลักทรัพย์ของบริษัทใหม่จะเป็นที่สนใจของนักลงทุน"นายรณสิทธิ กล่าว
โครงการในอนาคตของ PICNI มีโครงการก่อสร้างระบบจ่ายก๊าซจำนวน 5 ชุด ที่บางจะเกร็ง เงินลงทุน 40 ล้านบาท คาดเสร็จไตรมาส 1/58 ทำให้มีอัตราการจ่ายก๊าซเพิ่มอีก 1,000 ตันต่อวัน รวมเป็น 2,200 ตันต่อวัน และ WG มีโครงการสร้างคลังเก็บก๊าซและเพิ่มระบบหัวรับ-จ่าย มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,540 ล้านบาท คาดดำเนินการก่อสร้างเสร็จในดือน ก.ย.59
ส่วนนายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ที่เข้ามาถือหุ้น 14.87% เบื้องต้นเป็นเพียงถือเพื่อการลงทุน เพราะมองถึงศักยภาพของบริษัทว่าจะเติบโตในธุรกิจก๊าซได้อีกมาก