สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตราสารหนี้ไทย(6 มิ.ย. 57)มีมูลค่าการซื้อขายรวม 72,119 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 54,675 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 75.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 10,521 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 14.6% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 4,169 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB236A, LB196A และ LB176A (รุ่นอายุ 9.0 ปี, 5.0 ปี และ 3.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,314 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)(TOP273A) มูลค่า 517.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)(IRPC147A) มูลค่า 491.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)(QH185A) มูลค่า 460.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,469.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,962 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,986 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -344 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.09% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 5 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury ล่าสุดผลประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.10% สู่ระดับ 0.15% จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 0.25% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ระดับติดลบ 0.10% จากระดับเดิมที่ 0% ด้านตลาดยังคงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Nonfarm payrolls ที่จะประกาศออกมาคืนนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 344 ล้านบาท