“การเข้าร่วมงานนี้ เพื่อโชว์ศักยภาพความเป็นบริษัทคนไทยที่มีความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกในเรื่องการผลิต การแปรรูปวัตถุดิบอาหารทะเลที่มีคุณภาพสูงเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก ตามมาตรฐานสากล ทั้งแบบบรรจุกระป๋อง (Shelf stable) และแบบแช่เยือกแข็ง (Frozen) อีกทั้งยังเน้นให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของลักษณะการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในปัจจุบัน"
ในปีนี้กลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานแช่แข็งถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากลูกค้าในทวีปยุโรป เป็นการบ่งบอกถึงแนวโน้มที่ดีสำหรับกลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานแช่แข็ง ถือเป็นปัจจัยบวกจากการที่ทียูเอฟมีการพัฒนาเทคโยโลยีในการผลิต รวมถึงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ทียูเอฟ ได้เข้าร่วมงานนี้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 ถือเป็นปีที่ 11 แล้วซึ่งนับเป็นงานเวทีโลกที่ได้มาพบปะลูกค้า คู่ค้า ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลทั้งหมด ซึ่งงานนี้มีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 25,000 คน จาก 145 ประเทศทั่วโลก และมีผู้เข้าร่วมแสดงผลิตภัณฑ์อาหารทะเลกว่า 1,700 บริษัท บนพื้นที่กว่า 35,000 ตรม. งานแสดงสินค้าอาหารทะเลที่กรุงบรัสเซลส์นี้ถือเป็นศูนย์กลางการจัดงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเป็นเมืองศูนย์กลางของกลุ่มประเทศในยุโรป ซึ่งในปีหน้าทียูเอฟก็ยังคงจะมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้านี้ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งงานที่บริษัทฯให้ความสำคัญ
นายฤทธิรงค์กล่าวว่า นอกจากการรักษาระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคอย่างปลอดภัยสูงสุดแล้ว ทียูเอฟ ยังมุ่งเน้นเดินหน้าประกาศเจตนารมย์ถึงจุดยืนในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลก โดยเน้นการนำเสนอความรับผิดชอบต่อแหล่งทรัพยากร การมีส่วนร่วมพัฒนาสร้างคุณค่าให้กับสังคมโดยรวม การสนับสนุนการศึกษาให้กับเยาวชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร การดูแลสิทธิความเท่าเทียมของพนักงานรวมถึงการอนุรักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงออกด้วยคอนเซ็ปท์ของบูธในงานนี้อย่างชัดเจนและได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงาน ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวทียูเอฟ เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ในส่วนของทียูเอฟ ฝ่ายวิจัยผลิตภัณฑ์เป็นผู้พัฒนาคิดค้นนวัตกรรมทางด้านอาหารทะเลและผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งถือเป็นศักยภาพและเป็นกลยุทธ์หลักของการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของทียูเอฟมาโดยตลอด