สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 58,777 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 31,437 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 53.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 15,622 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 26.6% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 3,731 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB236A และ LB176A (รุ่นอายุ 5.0 ปี, 9.0 ปี และ 3.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,009 ล้านบาท หรือคิดเป็น 67% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)(IRPC147A) มูลค่า 1,105.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด(มหาชน)(AYCAL14DA) มูลค่า 416.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย)จำกัด(TLT146A) มูลค่า 350.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,872.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,419 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,032 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,164 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.1% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ประมาณ 1 bp. ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง ล่าสุดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือนพ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 217,000 ตำแหน่ง ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราการว่างงานยังทรงตัวเท่ากับเดือนก่อนที่ 6.3% สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 1,164 ล้านบาท