ปัจจุบัน TPOLY มีมูลค่างานคงเหลือในมือ ประมาณ 3.5 พันล้านบาท และมีแผนการประมูลงานในปี 2557 ประมาณ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้งานประมาณ 20% ของยอดประมูลงาน
ส่วน บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TPOLY ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนยื่นข้อมูลไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ตามแผน
สำหรับเงินที่ระดมทุนได้ TPCH จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าให้ได้ 100-120 เมกะวัตต์ ภายในปี 2560 คาดการณ์รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท
นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPOLY เปิดเผยว่า บริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 3,400 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 2,596 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีงานในมืออยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ปีนี้ราว 60% และบริษัทฯยังมีแผนการเข้าประมูลงานในปี 2557 ประมาณ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้งานประมาณ 20% ของยอดประมูลงานทั้งหมด ซึ่งจะเป็นงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ขณะที่บริษัทฯคาดปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรได้ จากปีก่อนขาดทุนอยู่ที่ 447.67 ล้านบาท เนื่องจากมองแนวโน้มครึ่งปีหลังนี้จะสามารถฟื้นตัวดีขึ้น จากการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งจะช่วยส่งผลีต่อบริษัทฯ โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจดังกล่าวมากถึง 88%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/57 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา ทั้งรายได้และกำไร ซึ่งไตรมาส 1/57 มีรายได้ 728.29 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2.70 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การเมืองเริ่มกลับมาดีขึ้น รวมถึงจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าช้างแรก ขนาด 10 เมกกะวัตต์ เข้ามาเต็มปี
"ไตรมาส 2 นี้เชื่อว่ารายได้และกำไรจะดีกว่าไตรมาสแรก จากปัจจัยต่างๆดีขึ้น และจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าช้างแรกเข้ามาทั้งปี ทั้งนี้มองว่าบริษัทฯจะสามารถพลิกกับมามีกำไรได้ จากการวางแผนจัดการระบบให้ทั้ง 3 ธุรกิจของบริษัทฯ และมองว่าธุรกิจก่อสร้างจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังนี้จากที่มีการลงทุนของภาครัฐ จากที่ปีก่อนเราได้รับผลกระทบจากการเมืองซึ่งมีการยกเลิกงานก่อสร้างหรือการลงทุนไปจำนวนมาก"นายไชยณรงค์ กล่าว
นอกจากนี้ด้านธุรกิจพลังงานบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในโรงไฟฟ้าชีวมวลเฟส 1 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช อีก 30 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 10 เมกกะวัตต์ โดยคาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จได้ในไตรมาส 2 - ไตรมาส 3 ปี 58 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนจำนวน 2,800 ล้านบาท ขณะที่อยู่ระหว่างการศึกษาก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลเฟสที่ 2 ขนาด 80-100 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะก่อสร้างอยู่ในจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จ.ปัตตานี พัทลุง สงขลา และสตูล คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 10,000 ล้านบาท และจะแล้วเสร็จได้ในปี 60 คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 100-120 เมกกะวัตต์ และจะมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตร กรรมการผู้จัดการ TPCH กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นแบบไฟลิ่งต่อ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งได้ในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ และจะสามารถเข้าเทรดได้ทันภายในปีนี้ โดยบริษัทฯมีการแต่งตั้งให้ บล.ทรีนิตี้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยจะเพิ่มทุนอีกจำนวน 90,650,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 39 ล้านหุ้น และผู้ถือหุ้นของบริษัท 50.39 ล้านหุ้น ตามสัดส่วนการถือหุ้นบริษัท(Pre-emptive Right) หรือคิดเป็นสัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะระดมทุนได้มากกว่า 900 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าเฟส 2 ขนาด 80-100 เมกกะวัตต์ และโรงไฟฟาเฟสแรก ขนาด 40 เมกกะวัตต์ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะเป็นเงินจากการระดมทุนส่วนหนึ่งและจากการกู้สถาบันทางการเงินด้วย