นอกจากนี้ดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.74 หมื่นล้านยูโร (เทียบกับ 1.66 หมื่นล้านยูโร ณ เดือนก่อน และ 1.57 หมื่นล้านยูโรตามที่ตลาดคาด) โดยส่งออกเพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังหดตัวในสองเดือนก่อน ด้านนำเข้าขยายตัวเล็กน้อย 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นเยอรมัน ยังคงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นที่สุดในยุโรป รวมถึงการได้รับผลบวกจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งส่งผลบวกต่อสภาพคล่อง และช่วยกระตุ้นการปล่อยกู้ในยุโรป อีกทั้งเชื่อว่าสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ sentiment ของตลาดที่ดีขึ้นจากการประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินดังกล่าว จะส่งผลให้ตลาดหุ้นในยุโรปสามารถเทรดที่ valuation สูงขึ้นได้ โดยตลาดหุ้นเยอรมันนี ซึ่งซื้อขายที่ P/E ต่ำสุดในยุโรปน่าจะได้รับผลบวกโดยตรงจากประเด็นนี้
โดยในปัจจุบันดัชนี DAX ของเยอรมัน ซื้อขายที่ระดับ P/E ประมาณ 13.8 เท่า และต่ำกว่าดัชนี Europe STOXX600 ซึ่งซื้อขายที่ P/E ราว 15.4 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นเยอรมันยังมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นได้อีกมาก จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นเยอรมันจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ในระดับที่น่าพอใจแก่นักลงทุนได้ในปีนี้
“เรามองว่าด้วยตัวเลขล่าสุดที่ทางการเยอรมันได้ประกาศออกมา ทำให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมันที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของเยอรมัน ที่ล้วนแต่เป็นบริษัทชั้นนำซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก อาทิ BMW, Volkswagen, Daimler, Allianz, Bayer, Siemens และ Adidas เป็นต้น ซึ่งจะได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและยุโรปอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นเยอรมันมีมากขึ้น ดังนั้นเรามองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมันถือเป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม และควรมีไว้ในพอร์ตลงทุนเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทน" นายคมศร กล่าว