"วันนี้ที่ประชุม กสทช. ได้เห็นชอบให้อนุมัติวงเงินเพื่อชดเชยให้กับอาร์เอส ซึ่งวงเงินไม่เกิน 427 ล้านบาท จากข้อเสนอของอาร์เอส จำนวน 766 ล้านบาท เป็นการชดเชยสำหรับการขายกล่องให้ไปแล้วในช่วงที่ผ่านมาหลังจากได้นำเข้ากล่องสัญญาณ 1 ล้านกล่อง แต่ขายได้เพียง 3 แสนกล่อง โดยจะถ่ายทอดสดผ่านช่อง 5,7,8,ทั้งหมด 64 แมทช์ ด้วยระบบ HD และเตรียมทำหนังสือไปยังฟีฟ่าขออนุญาตออกอากาศผ่านช่อง 11 เพิ่มเติม โดยระหว่างการถ่ายทอดสดจะไม่มีการโฆษณาระหว่างที่มีการแข่งขัน สำหรับตารางการแข่งช่องที่ได้รับการจัดสรรจะแบ่งตารางร่วมกันอีกครั้งสำหรับช่องทีวีที่จะร่วมกันถ่ายทอดสด"นายฐากร กล่าว
สำหรับการใช้เงินจ่ายชดเชยของกองทุนวิจัยฯ เป็นยอดเงินจากบัญชีจากค่าปรับของผู้ประกอบการที่กระทำผิดเงื่อนไขมีเงินกว่า 100 ล้านบาท และเงินจากบัญชีโอนเข้ามาจากสมัยเป็นองค์กร กทช.อีกหลายร้อยล้านบาท ไม่ได้ใช้เงินจากการประมูลทีวีดิจิตอล 1.1 หมื่นล้านบาท จึงไม่ทำให้การแจกคูปองสำหรับการรับชมทีวีดิจิตอลมีความล่าช้า เนื่องจากเป็นการพิจารณาอย่างเร่งด่วน จึงได้กำหนดวงเงินชดเชยในเบื้องต้น และได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบวงเงิน ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิขย์ สำนักงบประมาณ และตัวแทนของอาร์เอส เข้ามาประเมินยอดวงเงินให้ดชัดเจนอีกครั้ง
เลขาธิการ กสทช.คาดว่า ต่อไปการถ่ายทอดฟุตบอลโลกคงจะไม่มีปัญหาเช่นนี้อีก เพราะศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 แต่ในครั้งต่อไปเอกชนรายใดประมูลลิขสิทธิ์ได้ก็ต้องดำเนินการตามประกาศของ กสทช. เพื่อออกอากาศให้ประชาชนรับชมผ่านฟรีทีวีได้อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ นายฐากร เปิดเผยว่า การออกเสียงของที่ประชุม กสทช.วันนี้มีมติเห็นชอบด้วยเสียง 6 ต่อ 1 เสียง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม 8 คน ซึ่งกรรมการ กสทช. ที่ลงมติเห็นด้วย ได้แก่ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานบอร์ด กสทช. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ นายสุทธิพล ทวีชัยการ นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ส่วนนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ลงมติไม่เห็นด้วย
ขณะที่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ขอออกจากที่ประชุม โดยให้เหตุผลว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เนื่องจากได้ต่อสู้กับอาร์เอสมาแต่ต้น