ช่วงที่ 1-2 ปีที่ผ่านมาได้ทุ่มเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาทสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี ซึ่งล่าสุดในเดือนมิ.ย.เปิดไลน์การผลิตแล้ว และมีออร์เดอร์ลูกค้าจาก บริษัท ฮอนด้า แอคเซส เอเซีย แอนด์ โอเซียเนีย จำกัด เข้ามาแล้ว บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้จากโรงงานพ่นสีประมาณ 40 ล้านบาท ส่วนในปี 58 รายได้จะโตแบบก้าวกระโดดเป็น 200 ล้านบาท หากมีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่(Full Capacity)จะสร้างรายได้ 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งทีมงานบริหารตั้งเป้าไว้ภายใน 5 ปี
"อนาคตธุรกิจโรงพ่นสีจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และทำให้สัดส่วนรายได้ในส่วนของธุรกิจชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 15-25% ของรายได้รวม จากเดิมอยู่ที่ระดับ 13-15% ของรายได้รวม และคาดว่าธุรกิจโรงพ่นสีจะถึงจุดคุ้มทุนที่เพียงพอค่าใช้จ่ายโรงงานพ่นสีที่เพิ่มขึ้นภายในปีหน้า และผ่านจุดคุ้มทุนภายใน 5 ปี"นายวิวรรธน์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มรายได้ในปี 57 คาดว่าจะขยายตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งหลายฝ่ายประเมินว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวประมาณ 2-2.5% ส่วนแนวโน้มรายได้ในปี 58 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเร่งคืนหนี้โครงการรับจำนำข้าวให้กับชาวนา การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) 2 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นในการบริโภค การลงทุนฟื้นกลับมา ซึ่งจะทำให้ยอดขายของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
"รายได้ของ PJW ในปีนี้น่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 3 จนถึงต้นปีหน้า หลังจากค่ายรถยนต์ ออกโมเดลรถยนต์ใหม่ๆ ออกมา รวมถึงยอดขายบรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยวจะเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตของลูกค้าหลังจากการติดตั้งเครื่องจักรเสร็จในไตรมาส 2 ขณะเดียวกันการที่ คสช.เร่งคืนหนี้โครงการรับจำนำข้าวเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายมอเตอร์ไซค์ และยอดขายรถกระบะ รวมถึงกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ของธุรกิจชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์ บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น และบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคและน้ำยาเคมี รวมถึงบรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยว ซึ่งในส่วนฝ่ายจัดการมองว่าปีนี้น่าจะรักษาการเติบโตอยู่ที่ 10-15%"นายวิวรรธน์ กล่าวว่า
บริษัทมีจุดเด่นด้านคุณภาพการให้บริการ และการส่งมอบ ในด้านของบรรจุภัณฑ์และชิ้นส่วนยานยนต์ ด้วยประสิทธิภาพ และความสามารถในการบริหารต้นทุน มีหุ้นส่วนทางธุรกิจที่แข็งแกร่งระหว่างเรากับลูกค้า (Partnership) โดยมีการบริหารจัดการด้านความเสี่ยง และโครงสร้างภายในที่สอดรับกับสภาวการณ์ จากผลกระทบด้านเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งมีการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาและปีนี้ ผลประกอบการจะทรงตัว และเติบโตได้ไม่มาก เนื่องจากสภาวะของตลาดในประเทศ ทั้งส่วนของตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ ตลาดน้ำมันหล่อลื่นและตลาดบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคและน้ำยาเคมี เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศอันเนื่องมาจากปัญหาสถานการณ์ทางการเมือง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ก็ทำให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนปัจจัยการผลิตอื่น ทั้งส่วนค่าแรงและค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น และจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มสูงขึ้นของโครงการที่ลงทุนไปแล้วแต่ยังไม่ก่อให้เกิดยอดขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ทำให้ความสามารถทำกำไรในปีที่แล้วและปีนี้ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2555 และจะทรงตัวไประยะเวลาหนึ่งจนกว่าจะถึงจุดคุ้มค่าจากการลงทุน ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี
ทั้งนี้ บริษัทได้วางเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมพลาสติกรายใหญ่ของประเทศ ในด้านของการแปรรูปพลาสติกและกระบวนการเป่าขึ้นรูป รวมทั้งเป็นผู้นำในกลุ่มอาเซียน (Regional Leader) รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ปี 58 เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรายใหญ่ โดยเฉพาะด้านยานยนต์ ตลอดถึงได้วางเป้าหมายสู่การเป็น World Class Manufacturing อย่างยั่งยืน ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง