สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงนี้ ทั้งด้านตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะยังคงมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศเริ่มคลี่คลายมากขึ้น ประกอบกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศเดินหน้าจัดทำโรดแมปเศรษฐกิจ อาทิ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพิจารณาอนุมัติงบประมาณปี 2558 ส่งผลให้ต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทั้ง Moody’s และ Fitch Ratings ต่างยังคงความน่าเชื่อถือของประเทศไทยเอาไว้ที่ระดับเดิม นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงค์จากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยและการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งผลให้เงินลงทุนไหลกลับเข้าตลาดในประเทศเกิดใหม่รวมถึงประเทศไทยเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยที่กล่าวมาอาจส่งผลต่อราคาตราสารหนี้ที่อาจปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ปรับตัวลดลงหรือแกว่งตัวได้ในระยะสั้น ด้านสถานการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะยาวยังคงมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรใช้ความระมัดระวังจากความผันผวนของดัชนีซึ่งเกิดจากแรงเทขายทำกำไรในระยะสั้น
บลจ.กสิกรไทยจึงแนะนำให้ผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ไม่มากนักและสนใจลงทุนในระยะสั้น อาจแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงโดยเลือกพักกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ ซึ่งบลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยกองทุนดังกล่าวยังคงสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำในปัจจุบัน
สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี พี (KEFF1YP) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ร่วมด้วยตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้นเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีเอช (KFI3MEH) โดยกองทุนดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation และเงินฝาก Bank of China ด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท