สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 71,772 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 41,905 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 58.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 18,045 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 25.1% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,319 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 5.0 ปี, 3.0 ปี และ 9.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 14,068 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP296A) มูลค่า 324.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG18NA) มูลค่า 246.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL243B) มูลค่า 111.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 682.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,706 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,322 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,091 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.12% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.03%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-4 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury ประกอบกับ PD ได้รับทราบจากการประชุมกับสบน. ว่า ในเดือนหน้าอาจไม่มีการประมูลพันธบัตรรุ่น 5 และ 10 ปี ทำให้มีการซื้อขายพันธบัตรในรุ่นดังกล่าวจำนวนมาก สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 5,091 ล้านบาท