ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2554 นายยงยุทธชักชวนให้นางสาววรกุล ขายหุ้น TUCC จำนวน 17,475,100 หุ้น ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบต่อบุคคลภายนอก โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้น TUCC ซึ่งยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน เกี่ยวกับการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้การค้ารายย่อย 26 ราย จำนวน 43.99 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2554 ของ TUCC ขาดทุนจำนวน 104.86 ล้านบาท โดยนายยงยุทธล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าวในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TUCC ในขณะนั้น และนายยงยุทธได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการชักชวนดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังพบกรณีนางสาววรพินขายหุ้น TUCC จำนวนรวม 318,500 หุ้น ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2554 ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบต่อบุคคลภายนอก โดยอาศัยข้อเท็จจริงข้างต้น ซึ่งนางสาววรพินได้ล่วงรู้จากการเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินของ TUCC ในช่วงเวลาดังกล่าว
การกระทำของนายยงยุทธและนางสาววรพิน ซึ่งเป็นบุคคลวงในเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เนื่องจากนายยงยุทธและนางสาววรพินยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ คณะกรรมการเปรียบเทียบได้เปรียบเทียบปรับนายยงยุทธ เป็นเงิน 5,659,269 บาท และนางสาววรพิน เป็นเงิน 500,000 บาท